สรุปขั้นตอนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันได้ผู้ครองทำเนียบขาว 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นประมุขและหัวหน้ารัฐบาลของสหรัฐอเมริกา จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ตามที่มีการกำหนดเอาไว้ตายตัวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเกิดขึ้นในวันอังคารหลังวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน 

การลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีของประชาชนทั่วไปที่กำลังจะมาถึงนี้ เป็นเพียงหนึ่งขั้นตอนในกระบวนการอันซับซ้อนจากจุดเริ่มต้นจนถึงวันที่ชาวอเมริกันได้ผู้นำ 

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนอ่านสรุปขั้นตอนการเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมากขึ้น 

ขั้นตอนที่ 1 การเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาตัวแทนพรรค 

กระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มต้นจากการสรรหาตัวแทนที่พรรคจะส่งลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งขั้นตอนนี้เริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์และกินเวลาไปจนถึงเดือนมิถุนายน 

การสรรหาตัวแทนพรรคจะจบลงตรงที่คณะผู้เลือกตั้ง (Delegate) ของพรรคเลือกตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคในการประชุมใหญ่พรรค แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ต้องผ่านขั้นตอนการกำหนดจำนวนคณะผู้เลือกตั้งที่สนับสนุนผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคแต่ละคน ซึ่งการกำหนดจำนวนดังกล่าวจะมาจาก 2 วิธี คือ 

1.การประชุมคอคัส (Caucus) ซึ่งสมาชิกพรรคจะแบ่งกลุ่มตามผู้สมัครที่ตนเองสนับสนุน แล้วจำนวนเสียงของแต่ละกลุ่มจะเป็นตัวกำหนดจำนวนคณะผู้เลือกตั้งของแต่ละกลุ่ม ที่จะไปออกเสียงเลือกผู้แทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 

2.การเลือกตั้งขั้นต้น (Primary Vote) คือ การลงคะแนนเลือกผู้ที่ต้องการให้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งคะแนนที่มอบให้ผู้สมัครเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะเป็นตัวกำหนดจำนวนคณะผู้เลือกตั้งที่สนับสนุนคนนั้น ๆ โดยในบางรัฐจะใช้ระบบจัดสรรจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Delegate) ตามคะแนนที่ได้ แต่บางรัฐใช้ระบบ Winner Takes All คือ คนที่ได้คะแนนเลือกตั้งมากที่สุดจะได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด 

ทั้งนี้ มีเพียง 12 รัฐ และ 3 เขตที่ใช้วิธีการประชุมคอคัส ขณะที่รัฐส่วนมากใช้การเลือกตั้งขั้นต้น เราจึงอาจจะรู้จักหรือคุ้นกับการเลือกตั้งขั้นต้นมากกว่า และเรียกขั้นตอนนี้รวม ๆ กันว่า “การเลือกตั้งขั้นต้น” (Primary Vote)

คณะผู้เลือกตั้งของแต่ละพรรครวมทั้งประเทศจะมีจำนวน 4,322 คน ดังนั้น ผู้ที่จะได้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีต้องได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อย 2,162 คน

ขั้นตอนที่ 2 การประชุมใหญ่พรรคการเมือง

หลังการเลือกตั้งขั้นต้นภายในพรรคแล้วเสร็จ คณะกรรมการแห่งชาติ (National Committee) ของแต่ละพรรคจะจัดการประชุมใหญ่ของพรรค (National Convention) เพื่อเลือกตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยคณะผู้เลือกตั้งหรือตัวแทนระดับรัฐที่ได้รับเลือกในการเลือกตั้งขั้นต้นจะให้การรับรองตัวแทนสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ตนเองชื่นชอบ 

จากนั้น พรรคการเมืองจะออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าเสนอชื่อใครเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และในระหว่างการประชุมใหญ่นั้น ตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะประกาศชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี หรือคู่หูชิงตำแหน่ง 

หลังจากจบการประชุมใหญ่พรรคแล้ว ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของแต่ละพรรคจะลงพื้นที่หาเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ

ขั้นตอนที่ 3 การเลือกตั้งทั่วไป

แล้วก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่เราเรียกกันว่า “เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ” คือ “การเลือกตั้งทั่วไป” (general election) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ 

การเลือกตั้งทั่วไป เป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี แต่การเลือกตั้งนี้ไม่ใช่การเลือกประธานาธิบดีโดยตรง เพราะจริง ๆ แล้วเป็นการลงคะแนนเสียงให้คนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี” (Electoral College) เพื่อให้คนกลุ่มนี้ไปเลือกประธานาธิบดีแทนตนเอง

บนบัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไป ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเห็นชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่คะแนนที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ละคนได้รับจะถูกนำไปกำหนดตัวคนที่ได้เป็นคณะผู้เลือกตั้ง  

คนที่จะเป็น “ผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี” นั้น โดยทั่วไปจะไม่ได้เป็นที่รู้จักของประชาชนมาก่อน ซึ่งประชาชนเองก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นตัวแทนที่พรรคการเมืองเลือกมาแล้ว ประชาชนคิดแค่ว่าอยากมอบเสียงของตนให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคไหนเท่านั้น 

ทั้งนี้ ทั่วประเทศจะมีผู้เลือกตั้งจำนวน 538 คน แต่ละรัฐมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งเท่ากับจำนวนผู้แทนของรัฐในรัฐสภา คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บวก 2 ตามจำนวนวุฒิสมาชิก หรือ สว. ที่ทุกรัฐมีรัฐละ 2 คน และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีจำนวน 3 คน

ขั้นตอนที่ 4 “คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี” เลือกประธานาธิบดี

หลังการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นขั้นตอนที่ “คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี” ออกเสียงเลือกประธานาธิบดี หรือที่เรียกว่า electeral vote 

รัฐต่าง ๆ ส่วนใหญ่ใช้กฎ Winner Takes All คือ หากผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีคนใดได้คะแนนเสียงจากประชาชน (popular vote) ในรัฐมากกว่าก็จะได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งในรัฐนั้นไปทั้งหมด มีเพียง 2 รัฐ คือ รัฐเมนและรัฐเนเบรสกาที่ไม่ได้ใช้ระบบ Winner Takes All แต่ใช้ระบบแบ่งสรรสัดส่วนคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีของแต่ละพรรคตามคะแนนเสียงที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคนั้น ๆ ได้รับจากประชาชน (popular vote)

เมื่อถึงวันเลือกประธานาธิบดี ผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีแต่ละคนจะลงคะแนนเสียง 1 เสียง แล้วผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งเกินกึ่งหนึ่ง (270 เสียง) จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

จากนั้น ในเดือนมกราคม ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง จึงถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกตั้งผู้นำของสหรัฐอเมริกา

 

อ้างอิง :

สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน 
AUA Thailand

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

ช็อกวงการ “เลียม เพย์น” อดีตสมาชิกวง One Direction เสียชีวิต พลัดตกระเบียงโรงแรม

แพทองธาร แก้โจทย์เศรษฐกิจ สู้มรสุมนิติสงคราม 2 เดือน 20 คำร้อง