GC เปิดเวทีโชว์พลังรักษ์โลก ดัน 200 โปรเจ็กต์สู่สังคมคาร์บอนต่ำ

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ในฐานะแกนนำธุรกิจเคมีภัณฑ์ภายใต้กลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นับเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งขนาดและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมี จนถึงการเป็นผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพที่มีกำลังการผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก

GC มุ่งมั่นในการนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความยั่งยืนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี พ.ศ. 2573 และเป้าหมายลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

เป็นที่มาของการจัดงาน GC Sustainable Living Symposium 2024 : GEN S GATHERING ครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก” รวมพลังครั้งสำคัญของคนหัวใจรักษ์โลก หรือ GEN S จากทุกภาคส่วน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

เพื่อตอกย้ำเป้าหมายในการเป็นองค์กรต้นแบบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ “การเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต” พร้อมสร้างสมดุลด้านความยั่งยืน

ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ 4 โซน ประกอบด้วย 1) โซน Net Zero Experience นิทรรศการ Carbon Emission Dashboard ที่แสดงผลแบบเรียลไทม์ ให้เห็นถึงผลลัพธ์จากความร่วมมือของทุกคนในงาน 2) โซนนวัตกรรมที่ยั่งยืน = เป็นไปได้ ผ่านเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น กระบวนการผลิตในโรงงาน โครงการปลูกป่า และนาข้าว รวมถึงโครงการ BIO REFINERY

3) โซนธุรกิจที่ยั่งยืน = สำเร็จ ได้รวบรวมกลุ่มธุรกิจ High Value & Low Carbon เช่น ไบโอเคมิคอล พลาสติกชีวภาพจาก NatureWorks Brand Innoplus และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) และเคมีภัณฑ์เคลือบผิวจาก allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก และ 4) โซนวิถีชีวิตที่ยั่งยืน = ทุกความร่วมมือ

นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนาจาก 30 ผู้นำทางความคิด ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เช่น เสวนาในหัวข้อ “กลไกการเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero” จาก นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, การยกระดับประสิทธิภาพทางพลังงานของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนองความต้องการพลังงานสะอาดและความยั่งยืนของระบบไอซีที โดยนายปฏิภาณ กาลวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด เป็นต้น

นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า GC ได้ดำเนินธุรกิจผ่านการสร้างความสมดุลด้านความยั่งยืน โดยประยุกต์ใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน ใน 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี

โดย GC ได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ผ่านการกำหนดแผนงาน การวัดผลและการตรวจสอบที่ชัดเจนสอดคล้องกับข้อตกลงสำคัญหลายประการจากประชุมผู้นำระดับโลกในหลาย ๆ เวทีทั่วโลก

ที่ผ่านมา GC ดำเนินการตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการดำเนินโครงการมากกว่า 200 โครงการ มีการใช้หลัก 5R ใช้พลังงานหมุนเวียน นำเทคโนโลยีและ Digitalizaton เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน

รวมถึงแผนการบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือของกลุ่ม ปตท. ทั้งการศึกษาการกักเก็บ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจน ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่ Net Zero ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย

โรงงาน Bio Complex เริ่มผลิตปี’68

นายณะรงค์ศักดิ์กล่าวว่า GC เป็นผู้บุกเบิกในกลุ่มพลาสติกชีวภาพหรือไบโอพลาสติก โดยได้ร่วมลงทุนในบริษัท NatureWorks LLC ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพ PLA อันดับหนึ่งของโลก โดยลงทุนในโรงงานไบโอพลาสติกแห่งใหม่แบบครบวงจรในประเทศไทย ดำเนินโครงการโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ชนิด PLA แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ภายใน “นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC)”

ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในด้านวัตถุดิบแบบอุดมสมบูรณ์และหาได้ในท้องถิ่น โดยใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อเปลี่ยนน้ำตาลให้กลับมาเป็นพลาสติกไบโอ หรือชีวภาพย่อยสลายได้ ผลิต PLA 75,000 ตันต่อปี โดยมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งภายในระบบใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมด

ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวจะเป็น Bio Complex แห่งแรกในประเทศไทยที่ก่อตั้งขึ้นตามแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) ของรัฐบาล และจะเป็นฐานการผลิตที่มุ่งเน้นพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและทั่วโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2568

ทุ่ม 1.48 แสนล้านซื้อ Allnex

นายณะรงค์ศักดิ์กล่าวว่า GC ตัดสินใจลงทุนในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษครั้งสำคัญ สอดคล้องกับการปรับ Portfolio ของบริษัทสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ มูลค่าสูง โดยทุ่มงบฯลงทุน 148,417 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการบริษัท Allnex Holding GmbH หรือ Allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก ในธุรกิจ Coating Resins หรือสารเคลือบผิวและสารเติมแต่ง (Additives) ที่ใช้สำหรับการใช้งานในงานสถาปัตยกรรม อุตสาหกรรมทั่วไป สารเคลือบป้องกันอุตสาหกรรมรถยนต์

รวมทั้งสารเคลือบผิวและหมึกชนิดพิเศษ โดยเน้นเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ด้วยการเพิ่มสัดส่วนกำไรจากกลุ่ม High Value Business (HVB) และสร้างประโยชน์สูงสุดกับสินทรัพย์ปัจจุบัน เช่น เคมีภัณฑ์ชีวภาพและพลาสติกชีวภาพ และก้าวเข้าสู่การเป็น Specialty Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products : HVP) ประมาณ 10% และตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20%

“เรามองเห็นอนาคตที่ชัดเจนว่า ภาคการผลิตจะเปลี่ยนกระบวนการไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำเป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในโซลูชั่นที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน” นายณะรงค์ศักดิ์กล่าว

ลุย SAF ป้อนโออาร์ขายแอร์ไลน์

GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบด้วยเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงให้สามารถรองรับผลผลิตที่เหลือใช้จากการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว สู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียน (Ronewable & Sustainable Energy) ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ซึ่งมีกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 20,000 ตันต่อปี และสามารถขยายกำลังการผลิตในอนาคตเป็น 100,000 ตันต่อปี โดยส่งมอบน้ำมัน SAF ให้กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งมีลูกค้าสายการบินพร้อมซื้อน้ำมัน SAF ไปผสมกับนํ้ามันอากาศยาน (Jet Fuel) โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนมกราคม 2568

“เรามองหาห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืน เช่น จะทำอย่างไรให้น้ำมันพืชที่ใช้แล้วสามารถรวบรวมให้มากพอ และนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพ ปลายทางคือสายการบิน”
นายณะรงค์ศักดิ์กล่าว

ต่อยอดโครงการชุมชนเข้มแข็ง

GC ได้เดินหน้าส่งเสริมโครงการ “ชุมชนเข้มแข็ง” จ.ระยอง ด้วยการชูศักยภาพด้านนวัตกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติกเข้ามามีส่วนช่วยพัฒนาและสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนาในมิติต่าง ๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้

ทั้งเรื่องการคัดแยก การบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธี การขนส่งขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบกระบวนการรีไซเคิล และกระบวนการแปรรูปจนได้กลับมาเป็นสินค้าอัพไซคลิง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้แนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy โดย GC มีโรงรีไซเคิลอยู่แล้วก็เข้าไปรับซื้อเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะและได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ต่อยอดนวัตกรรมต่อไป

นอกจากนี้ GC ยังได้ร่วมมือกับแบรนด์ดีไซเนอร์คนไทยนำขยะไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง สร้างเม็ดเงินและรายได้ เศรษฐกิจให้กับประเทศอีกด้วย ปัจจุบันมีธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 100 ราย และชุมชนเครือข่ายประมาณ 11 ชุมชน

“ภาคการผลิตต้องปรับตัวเตรียมรับมือในการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความสมดุลในการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน” นายณะรงค์ศักดิ์กล่าว

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

เกาะติดต่างชาติลงทุนไทย ทุ่มแสนล้านรับ “ไฮสปีดเทรน-ดาต้าเซ็นเตอร์”

ลานีญาหนุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ สปป.ลาว ดัน BCPG ผลิตไฟฟ้า Q3/67 พุ่ง 318.7 GWh