กรณีที่มีผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับครูผู้ชายคนหนึ่ง ที่ล่วงละเมิดทางเพศกับบุตรหลาน ล่าสุด มีเด็กชายที่เป็นผู้เสียหายเพิ่มเป็น 17 คนแล้ว

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวครูประจำชั้น ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี หลังผู้ปกครองนำนักเรียนชาย 9 คนแจ้งความ อ้างถูกครูล่วงละเมิดทางเพศ 

ล่าสุด ยังพบว่ามีเด็กนักเรียนชาย ที่ถูกครูผู้ชายคนดังกล่าวล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มอีก 5 คน ทำให้มีเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากครูคนนี้แล้วถึง 17 คน โดยมีผู้ปกครองเข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว 12 คน

บรรเจิด อุ่นมณีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 ระบุว่า ครูคนดังกล่าวเพิ่งได้รับการบรรจุเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งแต่เดิมเป็นครูผู้ช่วยมาก่อน ทำงานที่โรงเรียนดังกล่าวมาโดยตลอด ส่วนการให้ออกจากราชการ ได้ให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้ออกจากราชการแล้ว

ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมแผนเยียวยาสภาพจิตใจเด็ก ซึ่งได้พูดคุยเบื้องต้นกับทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดราชบุรีแล้ว เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าไปพูดคุยประเมินสภาพจิตใจของเด็กแต่ละคนอีกครั้ง

มีรายงานว่า นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้สั่งการให้ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ.ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด นำนักจิตวิทยาเข้าไปดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็ก และผู้ปกครองทุกคน

พร้อมกำชับให้เขตพื้นที่ติดตาม กำกับ ดูแลให้โรงเรียนในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เกิดการละเมิดทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ของนักเรียนและครูทุกคน

สำหรับคดีนี้ เกิดจากการที่มีผู้ปกครองเด็กชายนับสิบคนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับครูผู้ชายคนหนึ่งที่ล่วงละเมิดทางเพศบุตรหลาน โดยเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวนผึ้ง ได้นำหมายจับจากศาลจังหวัดราชบุรี ไปจับครูที่ก่อเหตุได้ขณะเดินทางออกจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 ราชบุรี ในต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังมีคำสั่งย้ายมาปฏิบัติราชการที่สำนักงานเขตฯ ซึ่งผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพ แต่จำไม่ไม่ว่าก่อเหตุไปแล้วกี่ครั้ง 

ข้อมูล/ภาพ : ไทยพีบีเอส