“บอสพอล” ส่งสารจากเรือนจำฉบับที่ 2 ถามลั่น “ผมผิดอะไร” บอกย้ำ “คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายเลยแม้แต่คนเดียว”
วันที่ 11 ธันวาคม 2567 จากกรณีคดีใหญ่ที่สังคมต่างให้ความสนใจ และติดตามกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับ คดีบริษัทไอคอนกรุ๊ป ซึ่งล่าสุด มีรายงานว่า ทางเพจเฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ได้มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
โดยแอดมินได้โพสต์ภาพจดหมาย พร้อมระบุว่า สารจากเรือนจำฉบับที่ 2 โดยมีข้อความว่า “ผมอยู่ในเรือนจำมาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว การใช้ชีวิตในเรือนจำ “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” สำหรับคนที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเองแบบผม ผมเฝ้าถามตัวเองทุกๆ วันว่า “ผมผิดอะไร”… “ผมทำอะไรผิด”
ถึงต้องเข้ามาอยู่แบบ “ไร้อิสรภาพ” และยังคงรอได้รับการประกันตัวออกไปเพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ “ความจริง” จากปากของผมเอง ซึ่งเป็นคนที่ยังคงเชื่อในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
วันนี้ผมต้องถามตัวเองอีกครั้งว่า ผมกำลังสู้กับอะไรกันแน่? ผมต้องสู้อยู่ในนี้ในที่ ที่ถูกตัดขาดจากโลกกายภาพ โดยไม่รู้ข่าวสารต้องเฝ้าถามและรอคอย คำตอบจากคำบอกเล่าของทนายที่เข้ามาเยี่ยมได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวัน ผมบอกเล่าข้อเท็จจริงฝากทนายความออกไปสู่โลกภายนอก โดยการสื่อสารผ่านไปหลายทอด ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่มีทางที่จะได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน
มันไม่มีทางที่จะเหมือนคำพูดของผมที่ถ่ายทอดเองโดยตรงออกมาจากใจแน่ๆ ผมกังวลในทุกๆ ครั้งที่ต้องสื่อสารอะไรก็ตามผ่านการใช้ปากของคนอื่น แต่ผมจะทำได้อย่างไรในเมื่อผมไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงผมก็ต้องสู้ทั้งๆ ที่ความจริงมันการต่อสู้ที่ยากลำบาก ปากกาสักด้าม กระดาษสักแผ่น มันคือของที่หาได้ยาก เพื่อให้เขียนลำดับเหตุการณ์ แล้วนำไปบอกเล่าให้ทนายความได้เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่ถูกจำกัดอิสรภาพแล้วต้องลุกขึ้นมาสู้ เพื่อทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง มันคือการถูกบีบบังคับ ให้สู้ในขณะที่เสมือนถูกมัดมือ มัดเท้าและปิดหู ปิดตา แล้วบอกว่า “สู้สิ” นี่แหละ ความยุติธรรมที่ผมกำลังเผชิญ
…
การสู้อยู่ในคุกมันยากเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการออกได้ แค่การหาพื้นที่ว่าง สำหรับการหย่อนกายนั่งลงให้พ้นจากผู้คน ผู้ต้องขังหรือนักโทษจำนวนมาก ที่แออัดกันอยู่ในนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว การจะหาที่เงียบๆ เพื่อเขียนอธิบายสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะได้เห็นข้อความนี้ปรากฏอยู่บน Facebook ของผมแล้ว ผมได้พยายามอย่างที่สุดแล้วจริงๆ ในการกลั่นข้อความบอกผ่านทนายทีละตัวอักษรเพื่อสื่อสารออกมาหาทุกๆ คน ขอให้ทุกๆ คนตั้งใจอ่านสิ่งที่ผมจะบอกต่อจากนี้ให้ดีๆ นะครับ
ความจริงคือ “คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายเลยแม้แต่คนเดียว” คำถามที่คุณต้องถามเพื่อค้นหาความจริงด้วยตัวคุณเอง มีใครสักคนไหนที่ซื้อสินค้าจากบริษัทแล้วไม่ได้สินค้า มีใครสักคนไหมที่ขายของมีกำไรในระบบแล้วบริษัทไม่จ่ายเงินให้ มีใครสักคนไหมที่ได้โปรโมชั่นทริปท่องเที่ยวแล้วบริษัทไม่พาไปเที่ยว แล้วคุณจะพบความจริงที่ว่า “ไม่มีเลยสักคน” ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่บริษัทดำเนินธุรกิจมา และไม่มีปรากฏในคำกล่าวหาของตำรวจในคดีนี้ด้วยครับ นั่นคือความจริงที่สรุปได้ว่า ซื้อสินค้าก็ได้สินค้าทำงานก็ได้เงินและได้ผลตอบแทนอื่นๆ ตามที่บริษัทสัญญาไว้ แต่ก็ยังถูกกล่าวหาว่า “ผมฉ้อโกงประชาชน” อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณสงสัยมั้ยครับว่าแล้วทำไมถึงมีคนออกมาแจ้งความเป็น 10,000 คน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังในจดหมายฉบับต่อไป…”
ข้อมูล / ภาพ : ไทยรัฐ