ปรับครม.วันแรกก็วุ่นวาย ประธานชิงปิดประชุมหนี “สภาล่ม”

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 วันแรกของการทำงาน คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ “แพทองธาร ชินวัตร” เริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย เมื่อเกิดเหตุ สภาผู้แทนราษฎรล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ เหตุรัฐมนตรีหลายรายที่เพิ่งถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในช่วงเช้า เดินทางกลับไม่ทันเข้าร่วมการประชุมช่วงบ่าย

แม้จะเป็นวันแรกที่รัฐบาลใหม่ภายใต้ชื่อ “ครม.อิ๊งค์ 1/2” เริ่มต้นภารกิจอย่างเป็นทางการ แต่ภาพของสภาที่ต้องยุติการประชุมเพราะขาดองค์ประชุม แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาเสียงปริ่มน้ำ และความไม่พร้อมในการบริหารจัดการภายในตั้งแต่วันแรก

พิเชษ เชื้อเมืองพาน ปิดประชุมหนีการนับองค์ประชุม

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงบ่ายวานนี้ หลังการถวายสัตย์เสร็จสิ้นในช่วงเช้า นายพิเชษ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งเปิดการประชุมสภาในเวลา 13.30 น. แต่กลับพบว่า มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีที่เพิ่งเดินทางกลับจากพระราชพิธีที่พระที่นั่งอัมพรสถาน

ในระหว่างที่ฝ่ายค้านเตรียมขอให้มีการนับองค์ประชุมอย่างเป็นทางการ นายพิเชษกลับ สั่งปิดการประชุมโดยเร็ว ท่ามกลางเสียงคัดค้านของ ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยอ้างว่า “สถานการณ์ไม่อำนวยต่อการประชุมต่อ” สร้างความไม่พอใจในฝั่งพรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ที่มองว่าเป็น “การเลี่ยงนับองค์ประชุมชัดเจน”

รัฐบาลหวังแก้เกม เตรียมให้รัฐมนตรีหอบงานมาทำที่สภา

หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการขาดองค์ประชุมในวันแรกของรัฐบาล รัฐบาลได้พยายามพลิกสถานการณ์โดย ส่งรัฐมนตรีจำนวนมากเข้าสภาในช่วงเย็น พร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง และมีรายงานว่า บางคนหอบเอกสารราชการมานั่งทำงานในห้องประชุมเพื่อโชว์ความพร้อม

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า “รัฐบาลต้องการแสดงให้เห็นว่าพร้อมทำงาน และเหตุการณ์ในตอนบ่ายเป็นเรื่องของการบริหารเวลาและการเดินทาง ไม่ใช่ความขัดแย้งภายใน” พร้อมยืนยันว่า รัฐมนตรีทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประชุมในวันต่อไป

ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านยังคงเดินเกมตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยมีแนวโน้มว่าจะมีการยื่นขอให้นับองค์ประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หากยังพบว่ารัฐบาลไม่สามารถรักษาเสียงในสภาได้ตามกฎหมายกำหนด

ครม.อิ๊งค์ 2 เสียงปริ่มน้ำ-หายใจลำบาก

แม้จะมีการปรับ ครม. และการถวายสัตย์ตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญครบถ้วน แต่รัฐบาลชุดใหม่ที่มี เสียงสนับสนุนแบบ “ปริ่มน้ำ” คือ ความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องพึ่งเสียง ส.ส.ในสภาเพื่อผลักดันนโยบายและร่างกฎหมายสำคัญ

ปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลมี ส.ส.รวมประมาณ 251 คน จากทั้งหมด 500 คน ซึ่งหมายความว่า หากมีสมาชิกเพียงไม่กี่คนขาดประชุม หรือฝั่งฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุมเมื่อใด ก็มีความเสี่ยงสูงที่สภาจะล่มทุกเมื่อ

นักวิชาการหลายราย เช่น รศ.ดร.สุชาติ เศรษฐมาลินี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า “นี่คือการบ้านข้อใหญ่ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ที่จะต้องสร้างกลไกบริหารจัดการเสียงในสภาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงต้นรัฐบาลที่ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก”

หญิงหน่อย ขู่เล่นงาน “งูเห่าไทยสร้างไทย” ซัดไม่มีอุดมการณ์