รมช.คลัง เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย พร้อมประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัว 2.8%

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.8% พร้อมเดินหน้าออกมาตรการสำคัญเพื่อเพิ่มการลงทุนและกระตุ้นการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ได้แถลงถึงการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ประมาณ 2.8% ตามการประเมินของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พร้อมเปิดเผยถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังเตรียมไว้ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นตลาดรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบในปีที่ผ่านมา

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 ขยายตัวที่ 2.8%

จากการประเมินของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทาง กระทรวงการคลัง พิจารณาว่าเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผล โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขยายตัวได้ประมาณ 3% ภายในปีนี้ หากมีการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและมีความคืบหน้าในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

มาตรการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเผ่าภูมิ ระบุว่า กระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินมาตรการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดยานยนต์ที่มีการชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลจะออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับรถกระบะเร็วๆ นี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีแผนในการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ รวมถึงการพัฒนา สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อตอบสนองการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

มาตรการภาษีและกระตุ้นการใช้จ่าย

การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ของปี 2568 จะเน้นการใช้มาตรการภาษีและมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อกระจายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งเสริมการใช้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

สำหรับวงเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น กระทรวงการคลังกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ซึ่งจะมีการสรุปในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ การกระตุ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 จะได้รับแรงส่งจากมาตรการที่ดำเนินการในช่วงก่อนหน้า

การส่งเสริมตลาดรถยนต์และการพัฒนา EV

ในส่วนของตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัวในปี 2567 รัฐบาลมองว่าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการปล่อยสินเชื่อที่ไม่เพียงพอ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของตลาด โดยรัฐบาลเตรียมมาตรการส่งเสริมตลาดรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย

การออกมาตรการ EV 3.5 จะช่วยให้ตลาดรถยนต์ฟื้นตัว และสามารถสร้างความเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

การประชุมกนง. และนโยบายการเงิน

นายเผ่าภูมิ กล่าวถึงการประชุมของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไปว่า รัฐบาลมีความหวังว่าจะได้รับข่าวดีในเรื่องของการปรับนโยบายทางการเงิน โดยมีการเสนอแนะให้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้กรอบ 1-3% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ หากการปรับนโยบายทางการเงินสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568

ข้อมูล/ภาพ : อมรินทร์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตอบโต้ข่าวลือ ชาวยิวยึดปาย ชี้เป็นไปไม่ได้

เปิด 20 ตระกูลเศรษฐีมั่งคั่งเอเชีย “เจียรวนนท์” อู้ฟู่ รั้งอันดับ 2