เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเก็บ ภาษีศุลกากร 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ แต่กลับสร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจยานยนต์ทั่วโลก พร้อมกระแสวิจารณ์จากหลายประเทศ และเหตุรั่วไหลข้อมูลลับที่ทำให้รัฐบาลทรัมป์ถูกตั้งคำถามเรื่องความมั่นคง

สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษี ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมโลกสะเทือน

การขึ้นภาษีดังกล่าวส่งผลทันทีต่อทั้ง ผู้ผลิตภายในสหรัฐฯ และ ผู้ผลิตต่างชาติ บริษัทอย่าง General Motors (GM) และ Ford ต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังพึ่งพาชิ้นส่วนนำเข้า ขณะที่ผู้ผลิตภายในประเทศล้วน เช่น Tesla และ Rivian อาจได้เปรียบในการแข่งขัน

ด้าน Toyota และ Honda จากญี่ปุ่น ตลอดจน Volkswagen และ BMW จากยุโรป ก็อาจได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อราคารถยนต์นำเข้าอาจสูงขึ้นถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อหรือหันไปใช้รถมือสองแทน

พันธมิตรตอบโต้ เสียงวิจารณ์ดังจากนานาชาติ

มาตรการของสหรัฐฯ จุดชนวนความไม่พอใจจากหลายประเทศ โดย นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระบุว่าสหรัฐฯ ไม่อาจถือเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ “น่าเชื่อถือ” ได้อีกต่อไป ในขณะที่ สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ ต่างแสดงความกังวลว่าอาจเป็นชนวนสู่ สงครามการค้า ซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

สะเทือนวงใน ข้อมูลลับหลุดจากกลุ่มแชทเจ้าหน้าที่

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลทรัมป์ ได้เพิ่ม Jeffrey Goldberg บรรณาธิการจาก The Atlantic เข้ากลุ่มแชทลับในแอปพลิเคชัน Signal โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีการหารือแผนโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน เหตุการณ์นี้จุดประเด็นใหญ่เกี่ยวกับ ความปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐ และความเหมาะสมในการใช้แอปพลิเคชันทั่วไปในการหารือด้านความมั่นคง

ข้อมูล/ภาพ : abc NEWS