โพสต์สั้น ๆ ของ แจ็ค ดอร์ซีย์ บน X ที่ว่า “delete all IP law” หรือ “ลบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทิ้งซะ” ทำเอาโลกเทคโนโลยีเดือดพล่าน — โดยเฉพาะเมื่อ อีลอน มัสก์ ตอบกลับทันทีว่า “เห็นด้วย” เสียงเดียว
ข้อความเพียงไม่กี่คำ กลายเป็นจุดชนวนถกเถียงร้อนแรง ว่าด้วยอนาคตของสิทธิในผลงานสร้างสรรค์ เมื่อ AI กำลังรุกล้ำโลกของมนุษย์
ลิขสิทธิ์เก่า กับ AI รุ่นใหม่: ขัดแย้งหรือแค่ยังไม่ยืดหยุ่น?
แม้ดอร์ซีย์และมัสก์จะไม่ได้อธิบายชัดว่าทำไมถึงโจมตีกฎหมายลิขสิทธิ์ในจังหวะนี้ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นการสะท้อนแรงเสียดทานจากคดีฟ้องร้อง OpenAI ว่าละเมิดสิทธิ์ผลงานศิลปินในการฝึกโมเดล AI
กระแสดังกล่าวกำลังเขย่าฐานรากวงการสร้างสรรค์ — และผู้บริหารเทคโนโลยีอย่างดอร์ซีย์ก็เลือกที่จะเขย่าแรงขึ้นอีก
เสียงแตก! อนาคตของนักสร้างสรรค์อยู่ตรงไหน?
ฝั่งสนับสนุนอย่าง คริส เมสซีนา มองว่า ดอร์ซีย์มีประเด็น เพราะหากกฎหมายลิขสิทธิ์ถูกบังคับแบบอัตโนมัติในยุค AI อาจกลายเป็นเครื่องมือปราบปรามใหม่ เหมือนกับกฎหมายจับคนจนในอดีต
แต่เสียงวิพากษ์ก็แรงไม่แพ้กัน…
เอ็ด นิวตัน-เร็กซ์ แห่ง Fairly Trained มองว่า การเรียกร้องแบบนี้เท่ากับ “เปิดสงครามกับนักสร้างสรรค์” ที่ไม่อยากให้ผลงานถูกใช้เพื่อหากำไร โดยไม่มีสิทธิ์เลือก
ลินคอล์น มิเชล นักเขียนชื่อดัง ก็ไม่พลาดที่จะเหน็บว่า “บริษัทของแจ็คและอีลอนจะไม่มีทางเกิดได้เลย ถ้าไม่มีระบบลิขสิทธิ์”
ดอร์ซีย์ตอบกลับ: “ระบบปัจจุบันมันกินแรงนักสร้างสรรค์”
ดอร์ซีย์ยืนยันว่า สิ่งที่เขาคัดค้านไม่ใช่ แนวคิดการปกป้องงานสร้างสรรค์ แต่เป็นระบบที่มีคนกลางมา “หากิน” จากมัน โดยไม่จ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมให้ศิลปิน
เขายังโต้กับ นิโคล ชานาฮาน ที่มองว่า IP law คือเส้นแบ่งสำคัญระหว่างมนุษย์กับ AI ด้วยข้อความว่า “ความคิดสร้างสรรค์ต่างหากที่แยกเราออก ไม่ใช่ระบบกฎหมาย”
จากโอเพนซอร์สถึงโพสต์ที่อาจกลายเป็นนโยบายรัฐ
มัสก์เคยพูดไว้ว่า “สิทธิบัตรมีไว้สำหรับคนอ่อนแอ” และประกาศไม่บังคับใช้สิทธิบัตรของ Tesla หากถูกใช้งานโดยสุจริต (แม้จะมีคดีความในภายหลัง)
ด้านดอร์ซีย์ก็มีประวัติดันแนวคิด โอเพนซอร์ส ผ่านโปรเจกต์ Bluesky แม้สุดท้ายเขาจะถอนตัวจากบอร์ด และปล่อยให้ทีมงานเดินหน้าต่อ
แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือ การที่โพสต์ในโซเชียลอาจไม่ได้จบแค่ “ความเห็นส่วนตัว” อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อมัสก์เองมีบทบาทในรัฐบาลสหรัฐฯ และผลักดันแคมเปญ เลิกจ้าง ผ่านหน่วยงานที่ตั้งชื่อจากมีม

ข้อมูล : techcrunch