ลูกชายอดีตข้าราชการผู้ล่วงลับในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน หลังพบชื่อบิดาถูกนำไปพัวพันกับบัญชีกองทุนวัดพระบาทน้ำพุ ยืนยันดำเนินการต่อที่กองปราบเพื่อป้องกันความเสียหาย
แจ้งความลงบันทึก ป้องกันชื่อบิดาถูกนำไปใช้
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายวัย 32 ปี บุตรชายของ นายอลงกต พลมุข อดีตข้าราชการที่เสียชีวิตแล้ว ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน หลังพบว่ามีการนำชื่อบิดาไปใช้ในการเปิดบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ
ผู้แจ้งความระบุว่า เพิ่งทราบเรื่องจากข่าวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ระหว่างเดินทางไปทำบุญร้อยวันยายที่จังหวัดราชบุรี จากนั้นจึงรีบกลับมาปรึกษาครอบครัว ก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความในช่วงค่ำ เพื่อแสดงเจตนาชัดเจนว่าจะดำเนินการปกป้องชื่อเสียงของบิดา
เตรียมเข้ากองปราบฯ ดำเนินการต่อ
ลูกชายอดีตข้าราชการรายนี้ยืนยันว่า จะเดินทางไปยัง กองบังคับการปราบปราม ในวันที่ 26 สิงหาคม เพื่อแจ้งความดำเนินการตามกฎหมายอีกขั้นตอนหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือสร้างความเสียหายแก่ครอบครัว
เขายังเปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพบสิ่งผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับบัตรประชาชนหรือเอกสารสำคัญของบิดา เพียงแต่เคยได้รับจดหมายค่าโทรศัพท์ในชื่อพระส่งมาที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก

ชื่อซ้ำหรือตั้งใจ
กรณีนี้เกิดจากการที่ชื่อ “นายอลงกต พลมุข” ไปซ้ำกับชื่อเดิมของ พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งตรงกันทั้งชื่อ–นามสกุล วันและเดือนเกิด ต่างกันเพียงปีเกิด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม
อย่างไรก็ตาม กรมการปกครองได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วว่า ทั้งสองเป็น คนละบุคคล โดยยืนยันข้อมูลจากฐานทะเบียนราษฎร์ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในประเด็นนี้อีก
แม้กรณีนี้จะอธิบายได้ว่าเป็นเพียงความบังเอิญของชื่อและข้อมูลส่วนบุคคล แต่ในสังคมยังคงมีคำถามว่า การที่ชื่อซ้ำกันอย่างละเอียดเช่นนี้ อาจเป็นช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้แอบอ้างหรือแสวงหาประโยชน์ได้ จึงยิ่งทำให้ครอบครัวผู้เสียหายต้องเร่งดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเคลียร์ข้อเท็จจริงให้ชัดเจน


