เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยในทะเลแคริบเบียนตอนใต้ โดยระบุว่าเรือลำดังกล่าวมาจากเวเนซุเอลาและเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนยาเสพติด เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัฐบาลเวเนซุเอล่าของประธานาธิบดี นิโกลัส มาดูโร
ปฏิบัติการทางทหารและเหตุผลของสหรัฐฯ
รายงานระบุว่า เรือต้องสงสัยถูกโจมตีในน่านน้ำสากลโดยอาวุธความแม่นยำสูง (precision strike) ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ ใช้เพื่อสกัดกั้นเครือข่ายค้ายาเสพติดในภูมิภาค โดยผู้ที่อยู่บนเรือถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกของกลุ่ม Tren de Aragua องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่สหรัฐฯ จัดให้เป็นกลุ่ม “นาร์โค-เทอร์โรริสต์”(กลุ่มเครือข่าย ข้ามชาติ ที่ใช้รายได้จาก การค้ายาเสพติด มาสนับสนุนกิจกรรมก่อการร้าย)
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เรือที่ถูกโจมตีอาจกำลังเดินทางไปยังตรินิแดดหรือเกาะอื่นในทะเลแคริบเบียน และยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของภูมิภาค
เวเนซุเอลาโต้แย้ง ชี้ภาพโจมตีอาจสร้างขึ้น

ด้านรัฐบาลเวเนซุเอลาออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าภาพวิดีโอจากโดรนที่เผยแพร่โดยทรัมป์ ซึ่งแสดงเหตุการณ์ยิงใส่เรือจนเกิดการระเบิด อาจเป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียด
นิโกลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ย้ำว่า การกระทำของสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศ พร้อมเตือนว่าหากมีการรุกรานเพิ่มเติมอาจนำไปสู่ ความขัดแย้งในภูมิภาค
บริบทของความตึงเครียดสหรัฐฯ-เวเนซุเอลา
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลาตึงเครียดมานาน โดยสหรัฐฯ กล่าวหาว่า ประธานาธิบดีมาดูโรมีส่วนพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด และได้ประกาศเงินรางวัลมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมตัวผู้นำรายนี้
ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ได้เพิ่มกำลังทางทะเลในทะเลแคริบเบียนด้วยเรือรบและเรือดำน้ำ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางขนส่งยาเสพติดจากละตินอเมริกา เหตุการณ์ครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการยกระดับปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญ


