วันนี้ (10 กันยายน) เวลา 12.30 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยร่วมเป็นประธานการประชุมกับ พล.อ.เตีย เซฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าจากการประชุม GBC ที่มาเลเซียก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะข้อตกลงหยุดยิงและแนวทางสร้างสันติภาพถาวรในพื้นที่ชายแดน ทั้งสองฝ่ายยืนยันเดินหน้าบนกลไกทวิภาคี แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน แต่ผลการหารือครั้งนี้ถือเป็นพัฒนาการสำคัญ

ข้อตกลงหลักจากการประชุม
- การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง
ทั้งสองฝ่ายตกลงให้ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนและกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือภายใน 3 สัปดาห์เพื่อจัดทำแผนการเคลื่อนย้าย พร้อมให้คณะผู้สังเกตการณ์ IOT เข้าร่วมตรวจสอบ - การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน
จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วมระหว่างฝ่ายเลขานุการ GBC และศูนย์ทุ่นระเบิดของทั้งสองประเทศ ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อกำหนดแผนการเก็บกู้และเลือกพื้นที่นำร่อง โดยคาดว่าจะเริ่มปฏิบัติการภายใน 1 เดือน - การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และสแกมเมอร์
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศตั้งคณะทำงานร่วมภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อปราบปรามสแกมเซนเตอร์ โดยฝ่ายไทยส่งข้อมูลและพิกัดของศูนย์หลอกลวงกว่า 60 แห่งในกัมพูชาให้ดำเนินการ โดยจะมีการประชุมประสานงานเพิ่มเติมที่จังหวัดสระแก้ว วันที่ 16 กันยายนนี้ - การจัดการพื้นที่บ้านหนองจาน
ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา หาข้อยุติเรื่องพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนสู่ภูมิภาค (RBC) กำหนดแนวทางบริหารจัดการ โดยในระหว่างนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และบันเตียเมียนเจย จะร่วมมือกันรักษาความสงบเรียบร้อย หากโมเดลนี้สำเร็จอาจขยายผลไปยังพื้นที่อื่นที่มีปัญหาคล้ายกัน - การผ่อนปรนการผ่านแดนเพื่อการขนส่งสินค้า
ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความเป็นไปได้ในการเปิดด่านบางแห่งเพื่อการขนส่งสินค้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้คนข้ามแดน โดยเบื้องต้นอาจเริ่มจากจังหวัดจันทบุรีและตราด เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและธุรกิจการค้าชายแดน

ย้ำความร่วมมือเพื่อสันติภาพ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวสรุปว่า นอกจากการถอนอาวุธแล้ว สิ่งสำคัญคือกัมพูชาได้ตอบรับร่วมมือในประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญมานาน ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยทั้งสองฝ่ายจะติดตามให้เกิดผลโดยเร็ว การประชุม GBC สมัยพิเศษครั้งถัดไปมีกำหนดจัดขึ้นในอีก 30 วัน และครั้งนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพ
เขาย้ำด้วยว่า ไทยและกัมพูชาไม่สามารถแยกออกจากกันได้ การแก้ปัญหาต่างๆ จำเป็นต้องใช้สันติวิธีเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศกลับมาใช้ชีวิตปกติ พร้อมระบุว่า ข่าวปลอมที่เคยสร้างความแตกแยกได้ลดลงมาก และหากยังปรากฏอยู่จะถูกแจ้งต่อคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ต่อไป
สำหรับการผ่อนปรนเปิดด่าน พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่าจะเป็นไปอย่างจำกัด เฉพาะการขนส่งสินค้าในกรณีจำเป็นและอาจกำหนดโควตาการผ่านแดนต่อวัน โดยเหตุผลสำคัญคือการค้าข้ามแดนเกี่ยวพันกับประเทศที่สามซึ่งไม่ได้มีส่วนในข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา