อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยอมรับร่วมมือบิ๊กโจ๊ก เดินเกมเปิดโปงขบวนการตำรวจและนักการเมืองเอี่ยวสแกมเมอร์-เว็บพนัน พร้อมเตือนนายกฯ คัดกรองคนใกล้ชิด
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดเผยถึงการร่วมมือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” เพื่อเปิดโปงขบวนการตำรวจและนักการเมืองที่เกี่ยวพันกับ เว็บพนันออนไลน์ และแก๊ง สแกมเมอร์ โดยยืนยันว่าการทำงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมเชิงโครงสร้าง พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบพฤติกรรมของตำรวจที่อยู่ใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแทรกซึมของกลุ่มผลประโยชน์ในหน่วยงานความมั่นคง
“อัจฉริยะ” แฉขบวนการสกปรกในองค์กรตำรวจ
นายอัจฉริยะ กล่าวระหว่างนั่งประท้วงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้นำแผนผังแสดงความเชื่อมโยงของเว็บพนันออนไลน์กว่า 10 เว็บไซต์มาเปิดเผย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากตำรวจไซเบอร์แถลงจับกุมไปก่อนหน้านี้ เว็บไซต์เหล่านั้นยังคงเปิดให้บริการได้ตามปกติ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่จริงจัง
เขายังระบุถึง นายตำรวจระดับสูง และกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) บางรายที่มีส่วนพัวพันกับการโยกย้ายตำแหน่งโดยไม่เป็นธรรม โดยเลือกแต่งตั้งบุคคลที่มีส่วนได้เสียใน “ทำเลทอง” ของวงการปราบปรามเว็บพนัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ซื่อสัตย์กลับถูกย้ายไปตำแหน่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเดิม
ยืนยันร่วมมือ “บิ๊กโจ๊ก” เพื่อปราบสแกมเมอร์-เว็บพนัน
เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวว่าการเปิดโปงครั้งนี้เป็นการเดินคู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ ยอมรับว่าได้ร่วมมือกันทำงานจริง โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ “ปราบแก๊งสแกมเมอร์ และเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต” แม้ไม่ได้เห็นพ้องในทุกประเด็นกับบิ๊กโจ๊ก แต่ยืนยันว่าการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า ตนเองรู้จักตำรวจระดับสูงเกือบทุกคนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จึงทราบดีว่าในองค์กรมีตำรวจจำนวนหนึ่งประมาณ 20-30% ที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส และต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่เลือกปฏิบัติ
เรียกร้อง “นายกฯ อนุทิน” ตรวจสอบตำรวจใกล้ชิด
ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมยังฝากถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เร่งคัดกรองและตรวจสอบตำรวจที่อยู่ใกล้ชิด เนื่องจากมีความเสี่ยงอาจเกี่ยวพันกับขบวนการสแกมเมอร์และเว็บพนัน ซึ่งอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและองค์กรตำรวจโดยรวม
เขายืนยันว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะเหมารวมตำรวจทั้งหมด แต่ต้องการให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกลับมามีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยระบุว่าหากไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน จะกลับมานั่งประท้วงอีกครั้งหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


