วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เรียกร้องรัฐสืบเส้นทางการเงินคุกวีไอพีและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้อง ย้ำปัญหาโยงขบวนการจีนเทา ต้องทลายทั้งเครือข่ายไม่ใช่แค่รายย่อย
นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เกี่ยวกับกรณี “คุกวีไอพี” โดยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดอายัดทรัพย์อย่างจริงจัง พร้อมชี้ว่าปัญหานี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีเงินจำนวนมากหล่อเลี้ยงระบบและมีเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ จึงขอให้การสืบสวนมุ่งไปที่เครือข่ายใหญ่แทนการจับเพียง “เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก” เพื่อให้สังคมมั่นใจว่ารัฐสามารถจัดการขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างแท้จริง
วิโรจน์ชี้คดีคุกวีไอพีต้องสืบเส้นทางเงินอย่างเป็นระบบ
นาย วิโรจน์ ระบุว่า กรณีคุกวีไอพีแบ่งเป็นสองส่วน ได้แก่ การดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการสืบสวนเส้นทางเงิน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความมุ่งมั่นจากฝ่ายรัฐที่จะขยายผลในประเด็นหลัง ทั้งที่เป็นหัวใจสำคัญของการทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
เขาอธิบายว่า โครงสร้างผลประโยชน์เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นฟรี แต่ต้องมีเงินจำนวนมหาศาลจ่ายให้เจ้าหน้าที่เพื่อปรนเปรอผู้ต้องขังกลุ่มอิทธิพล ดังนั้น รัฐควรเร่งให้ ปปง. เข้ามาตรวจสอบและเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อยึดทรัพย์ เนื่องจากเป็นคดีที่มีลักษณะเป็นขบวนการและมีผลประโยชน์สูงมาก
ชี้ไทยมีเครื่องมือกฎหมายครบแต่ไม่เคยใช้จริงจัง
นายวิโรจน์กล่าวว่า ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีทั้ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แต่กลับไม่เห็นสัญญาณการบังคับใช้อย่างจริงจังในคดีที่มีความซับซ้อนสูงเช่นนี้
เขาย้ำว่า กรณีกลุ่ม “จีนเทา” ซึ่งถูกกล่าวว่าเป็นมาเฟียข้ามชาติ สะท้อนชัดว่ามีเครือข่ายสนับสนุนในไทย จนสามารถสร้างอิทธิพลในเรือนจำและนอกเรือนจำได้อย่างต่อเนื่อง หากรัฐต้องการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ต้องใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ ไม่ใช่เพียงการจัดการเฉพาะรายย่อยที่เป็น “ปลาซิวปลาสร้อย”
ตั้งคำถามทำไมกลุ่มจีนเทาถึงเติบโตในไทยได้ยาวนาน
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีเครือข่ายอื่นนอกเรือนจำ นายวิโรจน์ย้อนถามกลับว่า การจัดหาบุคคล การนำยาเสพติด หรือการจัดบริการต่างๆ ให้ผู้ต้องขังกลุ่มอิทธิพล ไม่อาจทำได้ในคุกเพียงลำพัง จึงเชื่อว่าต้องมีเครือข่ายภายนอกที่ร่วมมือกับขบวนการจีนเทา ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่เรือนจำ และตำรวจบางส่วน ที่ทำหน้าที่เอื้อประโยชน์ในระบบ
เขาเตือนว่าการซื้อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือนจำพิเศษกรุงเทพไม่ใช่เรื่องเล็ก และเงินที่ใช้ต้องมาจากอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ เช่นขบวนการสแกมเมอร์ที่สร้างความเสียหายระดับมหาศาล เงินเหล่านี้จึงมีศักยภาพซื้อทั้งเครือข่าย ไม่ใช่เพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างอย่างที่บางฝ่ายพยายามชี้นำ
ชี้จีนเทาปักฐานตั้งแต่ยุค คสช. ทำไมไม่มีใครจัดการ
นายวิโรจน์กล่าวทิ้งท้ายว่า บริบทของกลุ่มจีนเทาในไทยเริ่มตั้งฐานหลังยุค คสช. ซึ่งเป็นช่วงที่อำนาจรัฐเข้มแข็งและสามารถออกคำสั่งตามมาตรา 44 ได้อย่างกว้างขวาง แต่กลับปล่อยให้กลุ่มอิทธิพลต่างชาติขยายเครือข่ายโดยไม่หวั่นเกรงกฎหมาย ทั้งยังมีข้าราชการจำนวนหนึ่งถูกดึงเข้าเป็นสมุน จนกลายเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในปัจจุบัน
เขาขอให้ประชาชนร่วมตั้งคำถามว่า เหตุใดรัฐปล่อยให้ขบวนการเหล่านี้เติบโตจนเข้ามามีบทบาทในหลายพื้นที่ รวมถึงระบบราชทัณฑ์ พร้อมย้ำว่าการแก้ไขต้องเริ่มจากการสืบเส้นทางเงินและจับ “ปลาใหญ่” ให้ได้ทั้งเครือข่าย เพื่อยุติวงจรอิทธิพลต่างชาติอย่างจริงจัง


