กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาบริเวณพื้นที่ซำแต ภูผี ช่องตาเฒ่า และปราสาทตาควายเกิดการปฏิบัติการทางทหารอีกครั้ง หลังฝ่ายกัมพูชาจัดกำลังยิงตอบโต้ด้วยระบบจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้ามายังฝั่งไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินการตอบโต้ตามกฎการปะทะเพื่อยุติภัยคุกคามและป้องกันความเสียหายต่อประชาชน ขณะที่ฝั่งกัมพูชาถูกระบุว่าบันทึกภาพเหตุการณ์เพื่อใช้กล่าวอ้างต่อประชาคมระหว่างประเทศว่าตนเป็นฝ่ายถูกโจมตีก่อน
การยิง BM-21 ซ้ำพื้นที่เสี่ยงชายแดนไทย
กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การเคลื่อนกำลังของกัมพูชาพร้อมระบบยิงจรวด BM-21 เกิดขึ้นตามที่มีการประเมินล่วงหน้า โดยจุดปะทะหลักยังคงอยู่ในพื้นที่ซ้ำเดิม ได้แก่ซำแต ภูผี ช่องตาเฒ่า และปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นแนวพื้นที่สูงและจุดยุทธศาสตร์ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชนและเส้นทางลำเลียงกำลังพล
การยิงอาวุธเข้ามายังฝั่งไทยสร้างความกังวลให้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน แม้กองทัพไทยจะเร่งประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์และเสริมกำลังในจุดเสี่ยงแล้ว แต่ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทำให้ต้องรักษาระดับความพร้อมสูงสุดต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการยกระดับความตึงเครียด

ไทยตอบโต้ตามกฎการปะทะ มุ่งรักษาความปลอดภัยประชาชน
ฝ่ายไทยยืนยันว่า การใช้อาวุธตอบโต้ครั้งนี้เป็นไปตามกฎการปะทะสากล โดยมีเป้าหมายเฉพาะฐานยิงอาวุธของกัมพูชาที่มุ่งเป้าหมายเข้ามาในพื้นที่ไทยเท่านั้น โดยเน้นความแม่นยำและสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่พลเรือน และรักษาความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน
ในขณะเดียวกัน กัมพูชายังคงถ่ายภาพและบันทึกเหตุการณ์การสู้รบในหลายจุด เพื่อนำไปใช้ประกอบการสื่อสารต่อประชาคมโลก โดยอ้างว่าตนเป็นฝ่ายถูกโจมตี แม้ข้อมูลเบื้องต้นจากหลายแหล่งชี้ว่าเป็นฝ่ายริเริ่มความตึงเครียดก่อนก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวทำให้กองทัพไทยต้องบริหารข้อมูลและประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน
การรบยังคงต่อเนื่อง จับตาการยกระดับสถานการณ์
ความตึงเครียดบริเวณชายแดนยังไม่คลี่คลาย จากรายงานภาคสนามพบว่ามีการปะทะประปรายตลอดช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยทั้งสองฝ่ายยังคงจัดกำลังในระดับพร้อมรบ และมีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้นเป็นระยะ ทำให้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่ากัมพูชาจะขยายการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่อื่นหรือไม่
กองทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า ไทยยังคงยืนหยัดปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลัง และจัดลำดับความสำคัญเพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงทุกระดับเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลาม


