4 ทรรศนะ ทำไมต้องอ่าน ‘พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย’

ทำไมต้องอ่านเล่มนี้ ส่อง 4 ความคิดเห็น นริศ จรัสจรรยาวงศ์ – สมชาย แซ่จิว – ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ – อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ที่มีต่อหนังสือ “พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย” ผลงานการเขียนของ “ชาญศิลป์ ตรีนุชกร” กรรมการและผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย

วันที่ 6 ตุลาคม 2567 สำนักพิมพ์มติชน จัดงาน “Book Launch: พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย” เจาะลึกมุมมอง แนวคิด การบริหารธุรกิจในช่วงที่ต้องบินฝ่าวิกฤตแบบพลิกฟ้า และพลิกวิกฤตกลายเป็นโอกาสใหม่ของการบินไทย โดย “ชาญศิลป์ ตรีนุชกร” กรรมการและผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย (อดีต CEO ปตท.) ดำเนินรายการโดย “ธีรัตถ์ รัตนเสวี” เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ อาคารมนุษยนาควิทยาทาน วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

ภายในงานมีนักวิชาการและแขกรับเชิญพิเศษเข้าร่วมมากมาย ในจำนวนนั้น คือ นายนริศ จรัสจรรยาวงศ์ นักประวัติศาสตร์อิสระ, นายสมชาย แซ่จิว ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน, ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ​ที่ปรึกษาพิเศษ เนชั่น กรุ๊ป

โดยทั้งสี่ท่านได้แสดงความคิดเห็นต่อหนังสือและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก “พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวโดย ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ไว้ได้อย่างน่าสนใจ

ชาญศิลป์ ตรีนุชกร

หนังสือ Know who

ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า
หนังสือในสังคมมีหลายประเภท ประเภทหนึ่งคือ “Know how” ซึ่งคือการใช้ประสบการณ์ เทคนิค ด้านบริหาร การจัดการ เพื่อมาแก้ปัญหาองค์กร แต่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้อแล้ว ไม่ได้มีแต่ Know how อย่างเดียว

วิธีการอธิบายความสำเร็จหรือความล้มเหลวนั้นต้องดูในมิติคน ซึ่งเห็นความเป็นคนเยอะมากในหนังสือเล่มนี้ โดยอาจจะบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็น “Know who” ก็ได้

หมายความว่าต้อง put the right man หรือต้องรู้จักคน ดังที่พระพุทธเจ้าบอกว่า สิ่งสำคัญเลยต้องรู้จักคนและลักษณะของงาน สิ่งที่คุณชาญศิลป์ทำ ตรงกับสิ่งที่หลายคนมองเห็นในสังคมไทย นั่นคือ ความสามารถที่จะฝ่าวิกฤตได้ด้วยการใช้สรรพกำลังทุกอย่าง ไม่มีเกณฑ์ตายตัว ปรับไปตามสถานการณ์ที่สำคัญ

สิ่งที่น่าทึ่งในหนังสือเล่มนี้ คือ คุณชาญศิลป์สามารถรวบรวมสรรพกำลังในสังคมไทย ให้มาช่วยเหลือการบินไทย ตั้งแต่รัฐบาล คนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย คู่ค้า หรือที่สำคัญที่สุดคือคนในองค์กร สิ่งที่คุณชาญศิลป์เน้น คือ น้ำอกน้ำใจ และเห็นอกเห็นใจคนในองค์กรมาก ๆ

“อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้เห็นสังคมไทยที่อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยกัน ควรอ่านเล่มนี้ให้เห็นโฉมหน้าสังคมไทย”

ผศ.อัครพงษ์ กล่าวอีกว่า คนหนึ่งที่เราลืมขอบคุณไป คือผู้ตัดสินใจที่เห็นฝีมือของคุณชาญศิลป์ และตัดสินใจให้ตามที่คุณชาญศิลป์ขอ คือ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ซึ่งต้องให้เครดิตมาก ๆ

การบินไทยสำคัญกับสังคมไทยมาก แน่นอนว่าเราจะใช้สายการบินอะไรก็ได้ แต่การบินไทยนั้นมีประวัติอันยาวนาน คนที่จะต้องรักษารากฐานความเป็นมาอันยาวนานนั้นจะทำอย่างไร ซึ่งมีความยากและความท้าทายมาก ๆ

การบินไทยเปรียบเสมือนแบรนด์ไทยแลนด์ ถ้าถามว่าแบรนดิ้งไทยแลนด์คืออะไร ทุกคนก็รู้จักการบินไทย และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างและส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยด้วย

“ผมว่าการบินไทยนี่แหละ คืออย่างหนึ่งที่เราจะต้องทำให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์จริง ๆ ให้ได้” ผศ.อัครพงษ์ กล่าว

ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ – สมชาย แซ่จิว

ชาญศิลป์ บุคลากรคุณภาพ

นายนริศ จรัสจรรยาวงศ์ นักประวัติศาสตร์อิสระ กล่าวว่า การเปิดตัวหนังสือและรับฟังมุมมองเบื้องต้นได้ความรู้ใน 2 แง่มุม คือ 1. มุมประวัติศาสตร์ ในช่วงเวลาประมาณ 20 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤต และช่วงที่มีวิกฤตมาก ๆ ของสายการบินไทย ทำให้เรามองการเมืองและองค์กรธุรกิจที่มีขนาดใหญ่อย่างการบินไทยได้เป็นภาพที่มีความชัดเจนมากขึ้น ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่สำคัญมากๆ ในประวัติศาสตร์ไทย

2. มุมขนาดเล็ก เป็นแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับองค์กร เนื่องจากการบินไทยมีความสำคัญคือ มีหลากหลายมุมที่เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์ การบริหารจัดการวิกฤตองค์กรทั้งหมด

โดยมองว่ากรณีตัวเองอย่างที่ได้เห็นนี้ ควรต้องถูกบรรจุไว้ในแผนการเรียนรู้ในด้านการศึกษา อาทิ คณะบริหาร เพื่อศึกษาการบริหารจัดการในช่วงวิกฤตองค์กรขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น

นายนริศ กล่าวอีกว่า สิ่งที่นายชาญศิลป์ พูดไว้ได้อย่างดีคือ การบริหารองค์กรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์กร โดยเฉพาะภายใต้วิกฤตที่เกิดขึ้นควรจะต้องจัดการอย่างไรได้บ้าง โดยมองว่าสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในหนังสือ ตัวอย่างที่เกิดขึ้น การบริหารจัดการที่ทำ ถือว่าสามารถหยิบไปใช้เป็นแนวทาง หรือตัวเองในการทำธุรกิจได้เลย อาทิ

การบริหารองค์กรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์กร รวมถึงการให้เครดิตกับผู้ร่วมงาน ขยันที่จะกล่าวแสดงความขอบคุณกับผู้ร่วมงานทุกระดับ ไม่ได้ยกความดีความชอบเข้าตัวเองทั้งหมด หรือความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวเองเพียงคนเดียว

“ความหวังที่จะได้เห็นการกลับมาสยายปีกอีกครั้งของสายการบินไทย ถือว่าสร้างความหวังให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านความเชื่อมั่นที่ถูกฟื้นฟูกลับมา หากการบินไทยสามารถออกจากแผนฟื้นฟูที่เป็นเรือธงได้ สะท้อนถึงประเทศนี้ก็ไม่ได้สิ้นหวังมากเกินไปนัก เทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่มีภาพวิกฤตของการบินไทยเกิดขึ้น คนส่วนใหญ่มีความคิดที่มองว่าปล่อยให้กิจการล้มไปก่อน หรือทิ้งไปก่อน เพราะมองว่าคงไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้แล้ว จึงต้องยอมรับว่าหากเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพ อย่างนายชาญศิลป์ จะสามารถฟื้นฟูกิจการให้กลับมาอีกครั้งได้”

ในแง่ของประชาชน สิ่งที่จะได้จากการกลับมาของการบินไทย อย่างน้อยเป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่า เพราะถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี มีความสามารถในตัวเอง และเป็นสายการบินแห่งชาติตามชื่อตรงตัว รวมถึงมีผลกับหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในภาพรวม อาทิ

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่จะได้ประโยชน์จากการขนส่งนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ส่วนแนวคิดหรือทิศทางอื่นๆ เพิ่มเติมต้องติดตามอ่านในหนังสือเอาเอง เพราะถือเป็นหนังสือที่อ่านแล้วไหลลื่น ไม่ได้เชิงวิชาการมากขนาดนั้น อ่านแล้วไม่ตึงเครียด แต่ถือว่ามีความวิชาการ และสุดท้ายเชื่อมั่นว่าจะต้องนำไปบรรจุอยู่ในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่อไปด้วย เพราะมีทั้งด้านการจัดการบุคคล การเงิน พลังงาน ภาวะวิกฤต รวมกรณีตัวอย่างไว้ครบหมดแล้ว นายนริศ กล่าว

นริศ จรัสจรรยาวงศ์

หนังสือตัวช่วยฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ที่ปรึกษาพิเศษ เนชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือสำคัญของการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจของประเทศไทย ซึ่งมีอีกหลายรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในสภาพขาดทุน ย่ำแย่ มีปัญหาการบริหารภายในต่าง ๆ ในหลายเรื่อง อาทิ กฎระเบียบ ซึ่งต้องการการแก้ไข เพื่อให้ประเทศและองค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งต้องบอกว่าความสามารถในการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว

นายชาญศิลป์ ถือว่ามีสิ่งเหล่านี้สูง ทั้งความสามารถในการบริหารคน เครือข่ายที่มีอยู่ มีความใจเย็นในการรอจังหวะที่ถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงมีแผนในการดำเนินการที่ชัดเจน ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถฟื้นฟูการบินไทยกลับคืนมาได้อีกครั้ง

โดยส่วนตัวอยากให้นายชาญศิลป์ เขียนหนังสือเพิ่มเติมอีก เป็นการเล่าย้อนกลับไปในช่วงก่อนหน้าที่จะเข้ามาในองค์กรการบินไทย ว่ามองการบินไทยเป็นอย่างไร เพราะประชาชนส่วนใหญ่มองการบินไทยด้วยความรู้สึกที่บริหารงานได้แย่มาก ถูกการเมืองแทรกแซง เล่าออกมาเพื่อไม่ให้ภาพเหล่านั้นกลับมาอีกครั้งในอนาคต รวมถึงตีพิมพ์เป็นภาษาอื่น อาทิ ภาษาอังกฤษด้วย

นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า แนวคิดที่ได้จากหนังสือและมุมมองของนายชาญศิลป์ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งการดำเนินชีวิต และการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการบินไทยมีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย มีรายได้ต่อปีหลักหลายแสนล้านบาท ทำให้การบริหารงานในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่แบบนี้ก็เป็นภาพเหมือนกัน สามารถนำแนวคิดไปปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจได้

ส่วนประชาชนจะช่วยในเรื่องการปรับมุมมองต่อสายการบินไทยได้มากขึ้น ใช้บริการได้ผ่านมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเข้าใจมากขึ้น จากช่วงก่อนหน้าที่เกิดวิกฤตอาจมองว่าควรปล่อยให้ล้มไปเลย เพราะปัจจุบันมีสายการบินเพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่อีกส่วนก็มองว่าต้องช่วยไว้เพราะเป็นสายการบินแห่งชาติ

ซึ่งมุมมองเหล่านี้ไม่มีถูกหรือผิด แต่หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความเข้าใจในภาพรวมของการบินไทยมากขึ้น อาทิ ปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ในการบินไทยถูกแก้ไข และแก้ไขอย่างไร ช่วยให้ประชาชนมีศรัทธากลับมาอีกครั้ง รวมถึงชาวต่างชาติที่เคยชื่นชมสายการบินไทยจะกลับมาชื่นชมอีกครั้ง

“ความหวังในการกลับมาของสายการบินไทยอีกครั้ง คือ การมีเงินสดเพิ่มเติมหลัก 8 หมื่นล้านบาท และจะกลับเข้าไปในตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง อยากให้ระมัดระวังไว้ไม่ให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก และไม่กลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง รวมถึงมีมืออาชีพในการบริหารจัดการต่อไป โดยทำอย่างที่นายชาญศิลป์ พูดไว้คือ ไม่รับเด็กฝาก ไม่บินในเส้นทางที่ถูกขอให้บิน เพื่อให้ธุรกิจมีรายได้ ผลกำไร และการเติบโตที่เหมาะสมต่อไป” นายอดิศักดิ์ กล่าว

อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ

แก้ปมการบินไทย ใช้ความเป็นมนุษย์

นายสมชาย แซ่จิว ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน กล่าวว่า ตอนแรกที่เห็นชื่อหนังสือ “พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย” แอบรู้สึกเล็กน้อยว่าจะเป็นหนังสือแนวธุรกิจแบบ How to หรือเปล่า

ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นโดยส่วนตัวจะรู้สึกไม่ค่อยถนัดอ่านสักเท่าไหร่ แต่พอค่อย ๆ พลิกเข้าไปดูข้างในปรากฏว่า ไม่ได้เขียนแบบแนวธุรกิจ แต่ดูเป็นเหมือนเรื่องเล่าของเพื่อน หรือ รุ่นพี่ เล่าว่าเขาไปทำอะไรมา แล้วมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

เรื่องการบินไทยใครก็รู้ พอประสบปัญหานั้นเกิด Critical issues มากมาย แต่เมื่อคุณชาญศิลป์สามารถพลิกฟ้า ฝ่าวิกฤตได้ ก็ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจมาก โดยเฉพาะสิ่งที่ชอบ คือ เรื่องความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้เน้นผลกำไร หรือ ตัวเลขต่างๆ ซึ่งสิ่งที่คุณชาญศิลป์พูดในนี้เป็นการแก้ปัญหาอย่างมนุษย์ต่อมนุษย์ เจ้าหนี้กับลูกหนี้ หรือ เจ้านายกับลูกน้อง

นายสมชาย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนอยากรู้ คือ พระ 9 องค์ที่นายชาญศิลป์ห้อยตอนนั้นคืออะไร อยากเจริญรอยตามในเวลาที่ต้องการทำงาน ถือเป็นเกร็ด อาจจะฟังดูน่าขำ แต่สะท้อนภาพบางอย่าง

เพราะไม่ว่าเกิดอะไร ถ้ามีพลังใจที่ดี หรือ สิ่งยึดเหนี่ยวที่ดีก็จะสามารถพลิกฟ้า ฝ่าวิกฤตได้ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เช่น เรื่องสปิริตของคนในองค์กร ลดเงินเดือนตัวเอง ร่วมแรงร่วมใจกันขายปาท่องโก๋ ทำให้ไม่เป็นหนังสือธุรกิจแบบ How to แต่พาเราลุ่มๆดอนๆไปกับนายชาญศิลป์ จนกระทั่งการบินไทยกลับไปอยู่บนฟ้าอีกครั้ง

“อยากให้ทุกคนได้อ่านเล่มนี้ เพราะต่อให้เราไม่ได้เป็นคนที่มีองค์กรให้เราแก้ปัญหาต่างๆ แต่ถ้าเราเจอปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ก็จะเห็นว่าเรื่องขนาดนี้ยังแก้ได้ ฉะนั้นเรื่องของเราคงไม่มีปัญหาเหมือนกัน มันต้องพลิกฟ้า ฝ่าวิกฤตได้แน่ๆ” นายสมชาย กล่าว

สำหรับนักอ่านท่านใดที่สนใจหนังสือ “พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย” เขียนโดย “ชาญศิลป์ ตรีนุชกร” สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่: https://www.matichonbook.com (ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป)

และสามารถหาซื้อได้ที่ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 บูธ J02 สำนักพิมพ์มติชน พบกันได้ง่ายๆ เพียงเข้าประตู Hall 6 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5 – 7 วันที่ 10 – 20 ตุลาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น.

ธีรัตถ์ รัตนเสวี – ชาญศิลป์ ตรีนุชกร

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 ประกาศยกเลิกกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ

‘ชาญศิลป์’ เล่าบทเรียน “พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย” ชี้โควิดคือโอกาส