ใบชาสำหรับทำชาดำราคาพุ่งแรง เนื่องจากสองแหล่งปลูกชาสำคัญของโลกเจอวิกฤตทำให้ผลผลิตหด อินเดียเจอวิกฤตสภาพอากาศสุดขั้ว ทั้งร้อน-แล้งจัด และฝนตกหนัก-น้ำท่วม ขณะที่ศรีลังกาเจอวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายปี กระทบความสามารถในการเพาะปลูก
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2024 นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า ราคาใบชาสำหรับทำชาดำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผลผลิตใบชาลดลงทั้งในอินเดียและศรีลังกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตใบชาดำที่สำคัญของโลก
ในอินเดียสภาพอากาศสุดขั้ว ทั้งสภาพอากาศร้อนและแล้งจัด กับฝนตกหนักและน้ำท่วม บวกกับโรคพืช ทำลายไร่เพาะปลูกชาเสียหาย ผลผลิตที่น้อยลงทำให้ราคาใบชาพุ่งสูงขึ้น โดยในช่วงปลายเดือนกันยายน 2024 ราคาประมูลใบชาจากอินเดียตอนเหนือซึ่งใช้เป็นราคาอ้างอิงในตลาดมีราคาประมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 260 รูปี (ราว 104 บาท) ต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY)
การผลิตใบชาในอินเดียตอนเหนือนั้นเริ่มการปลูกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และชาจะโตพอเหมาะต่อการเก็บเกี่ยวในปลายเดือนมีนาคม โดยใบชาที่เก็บเกี่ยวในฟลัชแรก (First Flush) หรือการเก็บเกี่ยวครั้งแรกของฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นใบชาที่มีคุณภาพสูงที่สุด จะเก็บเกี่ยวในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ส่วนใบชาที่เก็บเกี่ยวครั้งที่สองของฤดูกาล (Second Flush) จะเก็บเกี่ยวเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ซึ่งใบชาสองประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงทั้งคู่
จากอุณหภูมิที่ร้อนระอุในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมปี 2024 ทำให้เกิดภัยแล้งและเกิดความเสียหายในพื้นที่ผลิตชา อีกทั้งฝนที่ตกหนักช่วงเดือนมิถุนายนในภูมิภาคอัสสัม ทำให้เกิดน้ำท่วมไปทั่วพื้นที่ ทั้งยังเกิดเชื้อราขึ้นในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ซ้ำเติมปัญหาผลผลิตใบชายิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ เนื่องจากการฉีดสารเคมีฆ่าแมลงนั้นขัดต่อกฎการส่งสินค้าเข้าญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ผู้ปลูกชาในอินเดียจึงต้องจำกัดการใช้สารเคมีฆ่าแมลง ซึ่งนั่นทำให้โรคพืชแพร่กระจายง่ายขึ้น
คาซึยะ ทาเคดะ (Kazuya Takeda) นักวางแผนการผลิตและผู้จัดการการตลาดของมิซุย โนริน (Mitsui Norin) บริษัทชาเขียวจากญี่ปุ่นกล่าวว่า ในปีนี้ นอกจากผู้ปลูกชาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยแล้ว ยังมีสินค้าคงคลังเหลือมาจากปีที่แล้วน้อยด้วย ขณะที่อินเดียเองก็มีอุปสงค์มากอยู่แล้ว ดังนั้น อุปทานในปีนี้จึงมีอยู่อย่างจำกัด
ขณะเดียวกัน ผลผลิตชาในศรีลังกาซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตชาดำชั้นนำก็ลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากศรีลังกากำลังเผชิญความยากลำบากในการฟื้นตัวจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนเงินตราสกุลต่างประเทศทำให้ศรีลังกานำเข้าปุ๋ยได้ยาก อีกทั้งการขาดแคลนเงินสดของคนทั่วไปในประเทศ ทำให้การลงทุนปลูกชาต้นใหม่ทดแทนชาต้นเดิมที่ให้ผลผลิตน้อยนั้นทำได้ยากขึ้น
ผลผลิตที่น้อยลงทำให้ราคาใบชาศรีลังกาสูงขึ้นตลอดช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ล่าสุดในเดือนตุลาคมนี้ ราคาประมูลใบชาโดยเฉลี่ยที่กรุงโคลัมโบ เมืองหลวงของศรีลังกา อยู่ที่ 1,215 รูปีศรีลังกา (ราว 140 บาท) ต่อกิโลกรัม คิดเป็น 2 เท่าของราคาในเดือนตุลาคมปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
ผู้ช่วยผู้จัดการของบริษัท เอส. อิชิมิทสึ (S. Ishimitsu) กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในญี่ปุ่นคาดว่าการผลิตในศรีลังกายังต้องใช้เวลาจึงจะฟื้นตัวได้
เนื่องจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทำให้ผลผลิตชาในศรีลังกายังไม่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น ผู้นำเข้าชาชาวตะวันตกจึงหันไปนำเข้าใบชาจากอินเดียทางตอนเหนือแทน ซึ่งชาทั้งสองชนิดนี้สามารถทดแทนกันได้ เนื่องจากเพาะปลูกในสภาพแวดล้อมที่มีระดับความสูงและคุณภาพที่ใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุนี้ราคาใบชาดำจากทั้งสองแหล่งจึงแพงขึ้นไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ สำหรับบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชาในญี่ปุ่นนั้น อินเดียกับศรีลังกาเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ คิดเป็น 60% ของการนำเข้าใบชาดำทั้งหมดของญี่ปุ่น นอกจากปัจจัยด้านผลผลิตที่น้อยลงทำให้ราคาใบชาสูงขึ้นแล้ว เงินเยนที่อ่อนค่าก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ญี่ปุ่นมีต้นทุนการนำเข้าใบชาสูงขึ้น
ราคาใบชาที่แพงขึ้นนั้นได้ส่งผ่านไปยังผู้บริโภคที่ปลายทางแล้วบางส่วน โดยบริษัทชาญี่ปุ่นบางรายที่นำเข้าใบชาจากอินเดียตอนเหนือได้ทยอยขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ชาแล้วประมาณ 20% ในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคมที่ผ่านมา

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ