ประธาน กสทช. อู้ฟู่ รวยขึ้นกว่า 100 ล้านใน 3 ปี

สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงการสาธารณะอย่างกว้างขวาง เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากสำนักงาน ป.ป.ช. เกี่ยวกับบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่พบว่าภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท โดยไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจนถึงที่ม

บัญชีทรัพย์สินปี 2565 กับ 2568 แตกต่างสุดขั้ว

การเปรียบเทียบบัญชีทรัพย์สินของ ประธาน กสทช. ที่ยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 2565 กับข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผยในปี 2568 นั้นชี้ว่า

ในปี 2565 ทรัพย์สินรวมของเขาและคู่สมรสอยู่ที่ประมาณ 137 ล้านบาท ขณะที่ข้อมูลล่าสุดในปี 2568 ระบุว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 254 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 117 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 3 ปี

แม้รายได้ในตำแหน่ง ประธาน กสทช. จะสูง โดยมีค่าตอบแทนรวมปีละหลายล้านบาท แต่การเติบโตของทรัพย์สินในระดับ “หลักร้อยล้าน” ภายในระยะเวลาสั้นเช่นนี้ กลับไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าเกิดจากแหล่งรายได้ใดบ้าง นำมาสู่การตั้งคำถามจากภาคประชาสังคมถึงความโปร่งใส และความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำกับกิจการโทรคมนาคมของประเทศ

แหล่งที่มารายได้ยังไม่ชัด?

ในเอกสารแสดงบัญชีทรัพย์สิน ไม่มีการแจกแจงรายละเอียดถึงแหล่งที่มาของเงินรายได้เพิ่มเติมอย่างชัดเจน เช่น การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง รายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือธุรกิจของคู่สมรส ข้อมูลเหล่านี้มีเพียงข้อความสั้น ๆ ว่า “ทรัพย์สินส่วนตัวของคู่สมรส” หรือ “รายได้อื่น ๆ” เท่านั้น

นักวิชาการด้านรัฐประศาสนศาสตร์บางรายชี้ว่า แม้จะไม่ผิดกฎหมายโดยตรง แต่ความไม่โปร่งใสเช่นนี้บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของหน่วยงานอย่าง กสทช. ซึ่งมีอำนาจอนุมัติสัมปทานและควบคุมมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับหมื่นล้านบาท จึงควรมีการตรวจสอบอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่าในช่วงปี 2566-2567 มีการจัดสรรใบอนุญาตใหม่หลายรายการ ทั้งด้านโทรคมนาคม, การสื่อสารผ่านดาวเทียม และคลื่นความถี่ ซึ่งเป็นดีลใหญ่ระดับประเทศ โดยที่ชื่อของบริษัทเอกชนบางรายที่ได้รับสัมปทานมีความเชื่อมโยงทางอ้อมกับบุคคลใกล้ชิดของประธาน กสทช. อีกด้วย

ป.ป.ช. มีหน้าที่แค่รับทราบ?

ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หากพบความผิดปกติสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติม ตรวจสอบที่มา หรือหากมีมูลพอ ก็สามารถเสนอเรื่องต่อศาลได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีชัดเจนจาก ป.ป.ช. ว่าจะเข้าตรวจสอบบัญชีของ ประธาน กสทช. รายนี้เพิ่มเติมหรือไม่

ในด้านภาคประชาสังคม มีหลายองค์กรออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างอิสระ พร้อมเสนอให้มีการยกระดับระบบการเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินให้ละเอียดและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับหน่วยงานที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจมหาศาลอย่าง กสทช.

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นสัญญาณว่า ความโปร่งใสของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงจะต้องได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด และไม่อาจมองข้ามข้อสงสัยจากสังคมได้อีกต่อไป

นายกฯแถลงสรุปผลสอบตึก สตง.ถล่ม ย้ำชัดมีความบกพร่องในการก่อสร้าง

เปิดโผรัฐมนตรีใหม่ “ครม.อิ๊งค์ 1/2” ที่ไม่มี “นายกฯ อิ๊งค์”