เกิดกระแสวิจารณ์ในเชียงใหม่ หลังคลิปกำนันสั่งชายเมาต่อยกันกลางงานกฐิน โดยมีฝ่ายปกครองล้อมวงและเปิดเพลงประกอบ ชาวบ้านตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและจี้ตรวจสอบ
เกิดกระแสวิพากษ์ในจังหวัดเชียงใหม่ หลังมีคลิปเหตุการณ์ชายเมา 2 คนชกต่อยกันกลางงานกฐิน โดยมี กำนันตำบลหนองตอง ประกาศผ่านไมค์ให้ทั้งคู่ “ต่อยกันตัวต่อตัว” พร้อมให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองล้อมวงกันไว้และเปิดเพลงประกอบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ที่ วัดพระเจ้าเหลื้อม อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ขณะชาวบ้านตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการใช้วิธี “ยุติข้อขัดแย้ง” แบบนี้ ทั้งที่บ้านเมืองมีกฎหมายควบคุมชัดเจน
คลิปหลุดกลางงานกฐิน ชายเมา 2 คนต่อยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ชาวบ้านตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งคลิปเหตุการณ์สุดเดือดในงานทอดกฐิน วัดพระเจ้าเหลื้อม มาให้สื่อมวลชน หลังปรากฏภาพชายเมา 2 คนทะเลาะวิวาทกันบนเวทีรำวงในช่วงคอนเสิร์ตกลางคืน
จากคลิปจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เข้าควบคุมสถานการณ์ นำทั้งสองคนลงจากเวที ก่อนที่ กำนันตำบลหนองตอง จะประกาศผ่านไมค์ให้ทั้งคู่ “ต่อยกันตัวต่อตัว” โดยมีเจ้าหน้าที่ล้อมวงไว้เพื่อป้องกันการใช้อาวุธ และมีการเปิดเพลงประกอบเพิ่มความเร้าใจ ทำให้บรรยากาศกลายเป็นเหมือนการต่อสู้โชว์กลางงานบุญ
ญาติไม่พอใจ-ชาวบ้านตั้งคำถาม ทำไมใช้วิธีนี้ในที่สาธารณะ
ในคลิปจะเห็นว่าชายคนหนึ่งชื่อ “แบงค์” อายุประมาณ 30 ปี รูปร่างใหญ่กว่า เข้าทำร้ายชายคู่กรณีซึ่งอายุ 48 ปีจนสู้ไม่ได้ ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงเพลงที่เปิดประกอบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยืนล้อมไม่ให้ใครเข้าไปห้าม
ญาติของผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง โดยระบุว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นการสนับสนุนให้เกิดความรุนแรงแทนที่จะห้ามปราม ชาวบ้านที่ร่วมงานจำนวนมากต่างตั้งคำถามว่า “ถ้าใช้วิธีนี้ บ้านเมืองจะมีกฎหมายไว้ทำไม” พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว
ชาวบ้านจี้ตรวจสอบมาตรฐานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองควรเป็นแบบอย่าง
ชาวบ้านผู้ร้องเรียนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะทั้งสองฝ่ายอยู่ในอาการมึนเมา การที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ต่อยกันเช่นนั้น อาจนำไปสู่เหตุบานปลายหรือการบาดเจ็บสาหัสได้ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าหากเกิดอันตรายขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายปกครองซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ควรใช้วิธีตามกระบวนการทางกฎหมาย เช่น การปรับหรือดำเนินคดี ไม่ใช่เปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุ “ต่อสู้ชำระแค้น” ต่อหน้าสาธารณชน โดยเฉพาะในงานบุญที่มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วม
ด้านสังคมออนไลน์จับตา จี้หน่วยงานต้นสังกัดแสดงจุดยืน
หลังคลิปถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ได้เกิดกระแสวิพากษ์อย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน หลายคนมองว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไม่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่ ขณะที่บางส่วนเห็นว่าอาจเป็นการ “ระงับเหตุ” ในรูปแบบเฉพาะถิ่น
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สื่อสังคมส่วนใหญ่เรียกร้องให้ หน่วยงานต้นสังกัดในจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และวางมาตรการไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อบทบาทของฝ่ายปกครองในพื้นที่


