รัฐบาลสั่งเข้ม ตัดไฟชายแดนเมียนมาหยุดอาชญากรรมไซเบอร์
4 กุมภาพันธ์ 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันคำสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการตัดไฟในพื้นที่ชายแดนเมียนมาทันที หลังพบข้อมูลเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประเทศไทยเป็นวงกว้าง
ความเสียหายจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ข้อมูลจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ระหว่างเดือนมิถุนายน 2565 – มิถุนายน 2567 มีคนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 500,000 ราย มูลค่าความเสียหายสูงกว่า 60,000 ล้านบาท ถือเป็นปัญหาด้านความมั่นคงที่ลุกลามสู่ภาคเศรษฐกิจและสังคม
นายภูมิธรรมชี้ว่า การให้บริการไฟฟ้าแก่พื้นที่บางแห่งในเมียนมา ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติ และควรต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน
อำนาจตามกฎหมายและคำสั่งให้ตัดไฟทันที
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตามระเบียบของ กฟภ. โดยเฉพาะข้อ 51.1 และ 51.2 เปิดทางให้หน่วยงานสามารถงดจ่ายไฟได้ หากพบว่าการจ่ายไฟกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยไม่จำเป็นต้องรอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“วันนี้ผมสั่งการให้ กฟภ. ตัดไฟทันที ไม่ต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุม ครม. หากยังล่าช้า ผมจะยืมตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาช่วยราชการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายความมั่นคงของรัฐ” นายภูมิธรรมกล่าวอย่างเด็ดขาด
แนวทางปฏิบัติและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
คำสั่งดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่สำคัญ เช่น เมืองชเวโก๊กโก่ และพีพีพาร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการของแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้ เมืองเมียวดีที่พึ่งพาไฟฟ้าจากประเทศไทยถึง 90% อาจได้รับผลกระทบด้วย
นายภูมิธรรมยืนยันว่า รัฐบาลเมียนมาต้องรับผิดชอบต่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ของตน หากไม่สามารถควบคุมกิจกรรมอาชญากรรมได้ ไทยก็จำเป็นต้องใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อปกป้องประชาชนของตน
การเคลื่อนไหวทางการทูตและมาตรการต่อไป
นอกจากมาตรการตัดไฟ กระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเจรจากับฝ่ายเมียนมา เพื่อประสานแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว นายภูมิธรรมยังระบุว่า เขามีแผนลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตนเอง
ข้อมูล / ภาพ :thairath