“นิพนธ์” แนะ กกต. แก้ปัญหาบัตรเสียและอัตราการใช้สิทธิ์ต่ำ มั่นใจการศึกษาปรับปรุงกระบวนการเลือกตั้ง

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 8 สมัย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นล่าสุด โดยกล่าวถึงปัญหาบัตรเสียและอัตราการใช้สิทธิ์ของประชาชนที่ต่ำกว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คาดการณ์ไว้ พร้อมแนะให้ กกต. เร่งหาทางแก้ไขเพื่อปรับปรุงกระบวนการเลือกตั้งในอนาคต

ปัญหาบัตรเสียและอัตราการใช้สิทธิ์ต่ำ
จากข้อมูลการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่าจำนวนบัตรเสียในการเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. ในหลายจังหวัดมีสัดส่วนสูงถึง 5.69% และ 5.63% ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปกติและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลการเลือกตั้ง นายนิพนธ์ชี้ว่าปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การออกแบบบัตรเลือกตั้งที่ซับซ้อน หรือการขาดความเข้าใจจากประชาชนเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง

เสียงไม่พึงพอใจต่อผู้สมัคร
นายนิพนธ์ยังกล่าวถึงการเลือก “โหวตโน” หรือการเลือกไม่ประสงค์ลงคะแนน ซึ่งมีอัตราสูงขึ้นในทั้งการเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พึงพอใจของประชาชนต่อผู้สมัครและระบบการเมือง นอกจากนี้ยังมองว่า ความไม่ไว้วางใจในผู้สมัครและการขาดทางเลือกที่เหมาะสมอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการเลือกตั้งซ่อมหลายจังหวัด

ความจำเป็นในการศึกษาและปรับปรุง
นายนิพนธ์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาและปรับปรุงกระบวนการเลือกตั้งโดย กกต. เพื่อให้ระบบการเลือกตั้งสามารถสะท้อนเสียงของประชาชนได้อย่างแท้จริง พร้อมเรียกร้องให้มีการเพิ่มความรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง

การพัฒนาแนวทางการจัดการเลือกตั้ง
นายนิพนธ์ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการพัฒนาแนวทางการจัดการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต โดยมีมาตรการที่ชัดเจนในการให้ความรู้แก่ประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง

นายนิพนธ์ บุญญามณีเรียกร้องให้ กกต. เร่งศึกษาปัญหาบัตรเสียและอัตราการใช้สิทธิ์ต่ำ และจัดการแก้ไขอย่างจริงจัง พร้อมพัฒนาการเลือกตั้งในอนาคตเพื่อให้ประชาธิปไตยไทยเดินหน้าไปอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ

ข้อมูล / ภาพ : banmuang

“อนุทิน” เชื่อ “กระสุน” ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดการเลือกตั้ง อบจ. ชี้ความสำเร็จมาจากการทำงานในพื้นที่

จับตา! 6 ก.พ. ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดฟังคำพิพากษาคดี “พิรงรอง”ถูก “ทรู”ฟ้อง