ในขณะที่สภากำลังลุกเป็นไฟจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชื่อของ พลโทเจียรนัย วงศ์สะอาด ปรากฏขึ้นในฐานะบุคคลสำคัญเบื้องหลังการบริหารงานของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้ถูกตั้งฉายาโดยสื่อว่า “พีระพัง” ท่ามกลางกระแสวิจารณ์นโยบายพลังงานและการใช้พวกพ้องครอบงำระบบราชการ
พล.ท.เจียรนัย อดีตนายทหารผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ อาจดูเหมือนที่ปรึกษาทั่วไปในสายตาคนนอก แต่ภายใต้เงาของเขาคือเครือข่ายอำนาจที่แผ่ขยายครอบคลุมทั้งงานนโยบายและผลประโยชน์ด้านพลังงานในระดับลึก มีคำกล่าวว่า “หากไม่มีเจียรนัย ก็ไม่มีพีระพันธุ์” ซึ่งอาจไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งกว่า 20 ชุดที่เขานั่งในคณะกรรมการนโยบายต่าง ๆ ครอบคลุมทั้ง น้ำมัน ไฟฟ้า EV โซลาร์ และพลังงานหมุนเวียน
ยิ่งไปกว่านั้น ความเชื่อมโยงระหว่าง พล.ท.เจียรนัย กับภาคเอกชนยังเป็นประเด็นที่ร้อนแรงในวงการเมือง เขาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัทเอกชนหลายแห่งที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐมนตรีพีระพันธุ์ ทั้งในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเทคโนโลยี นำไปสู่คำถามใหญ่จากสาธารณะว่า รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกำลังทำงานเพื่อประเทศชาติ หรือเพื่อกิจการส่วนตัว?
หนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่ทำให้ชื่อของเจียรนัยถูกจับตามอง คือกรณีการระงับดีลจัดจ้างเหมืองแม่เมาะ มูลค่า 7,170 ล้านบาท โดยอ้างว่ามีปัญหาทุจริต แต่สุดท้ายผลสอบกลับไม่พบความผิด และศาลปกครองยกคำร้องเสียอีก การสั่งหยุดโครงการขนาดใหญ่นี้ เกิดขึ้นจากหนังสือคัดค้านเพียงฉบับเดียวจากเจียรนัย ส่งตรงถึงรัฐมนตรี บ่งบอกถึงอำนาจที่ไม่ธรรมดาของบุคคลที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง
เงาของเจียรนัยจึงไม่ได้เป็นเพียงฉากหลัง แต่กลายเป็นตัวแสดงหลักในเกมการบริหารพลังงานระดับชาติ ที่กำลังนำพา “กระทรวงพลังงาน” ให้ใกล้เคียงคำว่า “กระทรวงพังงาน” เข้าไปทุกที
นี่ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน หากแต่เป็นโครงข่ายของอำนาจ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ ที่กำลังบิดเบือนกลไกนโยบายพลังงานของประเทศ หากไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ความเงียบอาจกลายเป็นพลังของเงา และเมื่อถึงวันนั้น ประชาชนอาจไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตั้งคำถาม

ข้อมูล/ภาพ : กรุงเทพธุรกิจ