โฆษกสองนายพล พูดแทนใคร หรือแค่พูดไปเอง?

เมื่อเสียงโฆษกดังกลบเสียงหลักนิติธรรม

สิ่งที่ลอยฟุ้งออกมาจากแถลงการณ์ของ “สองพลตรี” ในรัฐราชการไทย ไม่ใช่แค่ควันคำพูด — แต่คือเถ้าถ่านของหลักนิติธรรมที่กำลังมอดดับภายใต้เสียงโฆษกที่แข่งกันอธิบายข้อกฎหมายราวกับกำลังเล่นบท ละครทหารคนละเรื่องแต่บทเดียวกัน

พล.ต.วินทัย สุวารี แห่งกองทัพบก ปรากฏตัวขึ้นในประเด็นที่ควรจะอยู่นอกเหนืออำนาจของกองทัพ — เพราะต้นเรื่องคือการแจ้งความของ กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่กระทรวงกลาโหม แล้วเหตุใดโฆษกกองทัพบกจึงออกมา “คุ้มครอง” คดีที่อยู่ต่างสังกัด? หรือความมั่นคงคือเรื่องที่ผูกพันข้ามกระทรวง แต่ไม่ผูกพันกับหลักการตรวจสอบอำนาจ?

ขณะเดียวกัน พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สน ในฐานะโฆษก กอ.รมน. ก็ออกมาพูดในทำนองเดียวกัน — ไม่ต่างจากเสียงสะท้อนในห้องประชุมปิด ที่แม้จะพยายามอธิบายว่า การแจ้งความดำเนินคดี มาตรา 112 ต่อ พอล แชมเบอร์ส นั้นยึดโยงกับข้อกฎหมาย แต่กลับละเลยคำถามหลักของสังคมว่า…

ใครกันแน่ ที่มี “อำนาจ” ตามกฎหมายอาญาในการแจ้งความเช่นนี้?

เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุไว้ชัดเจน — “บุคคลผู้เสียหาย” จึงเป็นผู้มีสิทธิ์ตามกฎหมายในการกล่าวโทษ ไม่ใช่หน่วยราชการที่ลุกขึ้นมาแทนสถาบันฯ โดยไม่ผ่านกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ

คำถามจึงตกอยู่ที่ทั้ง วินทัย และ ธรรมนูญ — ว่าหากอธิบายข้อกฎหมายไม่ได้ชัดเจนพอ จะสามารถอธิบายต่อเวทีโลกได้หรือไม่ว่า ไทยใช้กฎหมายอย่างไรในระบอบประชาธิปไตย?

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีข้อสังเกตจากสังคมว่า การแจ้งความครั้งนี้ เลือกดำเนินคดีแต่ผู้พูด อย่างพอล แชมเบอร์ส แต่ไม่แตะต้องผู้แปลและผู้เผยแพร่อย่าง เอดดี้ อัสดาง — หรือมาตรฐานกฎหมายไทย ขึ้นกับสัญชาติและบริบท มากกว่าข้อเท็จจริง?

และในขณะที่รองนายกฯ อย่าง ภูมิธรรม เวชชยชัย พยายามปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเจรจาภาษีสหรัฐ บรรดาประชาชนกลับได้กลิ่น “การเมืองระหว่างประเทศ” ที่คลุ้งอยู่เบื้องหลัง

หากโฆษกทั้งสองไม่สามารถอธิบายบทบาทของตนในทางกฎหมายได้อย่างตรงไปตรงมา — พวกเขาอาจไม่ใช่โฆษกอีกต่อไป
แต่กลายเป็น “เสียงสะท้อนของรัฐที่กลัวคำถาม มากกว่าความผิด”

“เมื่อคนถือไมค์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดแทนใคร เสียงที่เปล่งออกมาอาจกลายเป็นหลักฐานของอำนาจที่หลงทาง”

112, กอรมน, พล.ต.วินทัย สุวารี, พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สน, พอล แชมเบอร์ส

ข้อมูล/ภาพ : Thai PBS

สินบนอดีตผู้ว่าสตง. 3 แสนสะเทือนองค์กรอิสระ ป.ป.ช.ต้องไม่ปล่อยให้ลูบหน้าปะจมูก