“ถอยทหารจากปราสาทตาเมือนธม” ไม่ใช่ยกแผ่นดิน ถอดรหัส MOU 43 กับบทเรียนชายแดนโลก

กลางดินแดนชายขอบสุรินทร์ ที่ใบไม้ปลิวตามแรงลมร้อนจากเขมร ใต้เงาของปราสาทตาเมือนธม ซากหินที่ตั้งสง่าท่ามกลางความขัดแย้งเก่าแก่ คำว่า “ถอยทหาร” กลับกลายเป็นพายุลูกใหม่ในสื่อไทย

ใครบางคนตีเกราะเคาะข่าว
ใครอีกหลายคนกำหมัดกับคำว่า “เสียแผ่นดิน”
แต่เสียงหนึ่งจากวงประชุม GBC คณะกรรมการชายแดนไทย–กัมพูชา กลับยืนยันว่า นี่ไม่ใช่การถอยหนี หากคือการกลับสู่กรอบที่เคยเขียนไว้ด้วยหมึกของการทูตเมื่อ 24 ปีที่แล้ว

MOU ปี 43 ไม่ใช่สัญญาขายชาติ
มันคือคำมั่นระหว่างสองประเทศให้คงสถานะ “ไม่รุกราน” ในพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาท
และคำว่า “ปรับกำลัง” ก็มิใช่ “ปลดปักธง”
ไทยยังถือครองปราสาทตาเมือนธม
ยังมีทหารประจำการ
แต่เพียงแค่ลดทอนส่วนเกินที่เข้ามาหลังข้อตกลง

เสียงของภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีกลาโหมที่กำกับนโยบายครั้งนี้ ชัดเจนในทุกถ้อยคำว่า “เราไม่ได้ถอยเพื่อยกแผ่นดิน แต่เราถอยเพื่อรักษาเกียรติและความสงบ”

หากหันไปมองเพื่อนบ้านในโลกนี้
อินเดีย–จีน เคยแลกเสียงปืนและชีวิตทหารบนเขา “ลาดักห์” แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายกลับยอม “ถอนทหารแบบกระจกสะท้อน” (mirror withdrawal) บนพื้นที่พิพาทบางส่วน เพื่อป้องกันการปะทะโดยไม่จำเป็น
ไม่มีใครกล่าวว่าอินเดียขายชาติ
ไม่มีสื่อใดในจีนเขียนว่าเขาหลอมแผ่นดินตัวเอง

หรือกรณี “โคโซโว–เซอร์เบีย” ที่ยูเอ็นส่งกำลังเข้าไกล่เกลี่ย และจัดให้ทั้งสองฝ่ายยอม “ชะลอการตั้งฐานทหาร” แม้จะยังมีข้อพิพาทเรื่องอธิปไตย โลกไม่ได้เลือกใช้ปืนทุกครั้งที่ความไม่พอใจเกิดขึ้น

แล้วเราล่ะ
ยังจะเลือกตั้งข้อหา “ทรยศแผ่นดิน” แก่ผู้นำที่เพียงทำตามกรอบของข้อตกลงที่ประเทศเราลงนามไว้เองหรือ?

แผ่นดินไทย…ไม่เคยขาย
แค่บางครั้งเราควรเรียนรู้ว่า “เสียงปืน” ไม่ได้ทำให้คนรักชาติมากกว่า “เสียงเจรจา”

เราต้องไม่ลืมว่า…
แผ่นดินไม่ได้อยู่ในแผนที่ แต่มันอยู่ในหัวใจของคนที่รักษามันอย่างสงบ และรู้จักฟังเสียงประวัติศาสตร์ให้มากกว่าข่าวหัวร้อน

ถอยทหาร, ปราสาทตาเมือนธม, MOU 43, ภูมิธรรม เวชยชัย, ไทยกัมพูชา

แฟนคลับโดนขู่ทำร้ายเพราะบัตรคอนเสิร์ต บาดแผลจากทุนไร้กฎหมาย

พระราหูย้ายราศี 2568 เปิดพิธีบวงสรวงสะท้อนความหวังของสังคมไทย