เมื่อรัฐสภาไทยเพิ่งเปิดใช้งานได้เพียง 5 ปี แต่กลับมีงบซ่อม ต่อเติมสูงถึง 2,773 ล้านบาท ราวกับว่ากำลังปรับปรุงพระราชวังแวร์ซายส์กลางกรุงเทพฯ เสียงต้านเริ่มดังก้องขึ้นในห้องประชุม และลามไปถึงโลกออนไลน์ ในขณะที่ผู้แทนฯ บางรายพยายามอธิบายว่าเป็น “เฟสที่ยังไม่เสร็จ” แต่คำถามที่ต้องตอบไม่ใช่แค่ว่า “เสร็จหรือยัง?” แต่คือ “จำเป็นหรือไม่?”
ในอีกซีกโลกหนึ่ง อาคารรัฐสภาสหราชอาณาจักร หรือ Palace of Westminster ที่มีอายุกว่า 900 ปี ยังคงใช้ห้องเดิมเก้าอี้เดิมที่เหล่าเซอร์ทั้งหลายเคยนั่งบัญญัติกฎหมาย จนปูนร่อน กระจกเก่า ไม้ผุ แต่กลับไม่มีใครกล้าของบปรับปรุงแบบฟุ่มเฟือย แม้มีการอนุมัติงบซ่อมเรือนยอด Big Ben หลายร้อยล้านปอนด์ แต่ทุกขั้นตอนต้องรายงานสาธารณะเป็นขั้นเป็นตอน พร้อมรับความเห็นประชาชนผ่าน Public Consultation อย่างเข้มข้น
หรือในญี่ปุ่น อาคารรัฐสภาไดเอท ที่ตั้งตระหง่านกลางกรุงโตเกียวนับจากปี 1936 แม้เผชิญแผ่นดินไหวและไฟไหม้ แต่ระบบราชการกลับเลือกใช้การบำรุงแบบอนุรักษ์สภาพ ไม่เนรมิตพื้นที่ใหม่ หรืออ้างว่าขาดงบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกผู้ทรงเกียรติ เหมือนที่บางรัฐสภาในตะวันออกอ้างว่า “เพื่อศักดิ์ศรี”
และในขณะที่รัฐสภาในประเทศอื่นเลือก “อดทนเพื่อภาพรวม” รัฐสภาไทยกลับเลือก “อำนวยเพื่อคนใน” สะท้อนภาพของสังคมที่ยังสับสนว่า “ภารกิจรับใช้ประชาชน” กับ “อภิสิทธิ์พิเศษของผู้แทน” ควรมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนแค่ไหน
จอ LED ราคาหลายสิบล้าน, ระบบภาพยนตร์ 4D, ฉากหลังบัลลังก์ประธานที่แพงกว่าค่าก่อสร้างบ้านผู้มีรายได้น้อยทั้งชุมชน สิ่งเหล่านี้อาจฟังดูดีในห้องประชุม แต่กลับไม่เคยอยู่ในลิสต์ความต้องการเร่งด่วนของชาวบ้านริมคลองที่น้ำยังท่วมซ้ำซาก
บางที…รัฐสภาไม่ได้ต้องการพื้นที่เพิ่ม หรือเทคโนโลยีใหม่ใด ๆ หากแต่ต้องการความรับผิดชอบต่อเงินภาษี และสำนึกในเสียงของประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้าไปนั่งตรงนั้น
รัฐสภา ไม่ใช่ห้องจัดเลี้ยง
ประชาธิปไตย ไม่ควรเป็นภาพยนตร์ 4D ที่คนดูต้องจ่ายแพงแต่ไม่มีสิทธิ์เลือกตอนจบ



