ในช่วงเวลาที่การ ปรับคณะรัฐมนตรี ของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กำลังเป็นกระแสสำคัญ หนึ่งในศูนย์กลางของความเปลี่ยนแปลงและความสนใจนั้นพุ่งไปที่ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่างชัดเจน การต่อรองตำแหน่งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่เข้มข้นและซับซ้อน เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยถือเป็นหนึ่งในกระทรวงหลักที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารราชการแผ่นดินในระดับพื้นที่ จึงไม่แปลกที่ทุกพรรคการเมืองจะเห็นว่า ใครได้คุมมหาดไทย ก็มีอำนาจต่อรองมากขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม

กระทรวงมหาดไทยคือกระทรวงที่ “เข้าถึงทุกหมู่บ้าน”
กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่หลักในการดูแลการปกครองส่วนภูมิภาค ครอบคลุมตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ จนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล อบจ. หรือ อบต. การที่กระทรวงนี้ควบคุมหน่วยงานระดับพื้นที่จำนวนมาก ทำให้สามารถ “รับรู้ – ควบคุม – ชี้นำ” กลไกการบริหารในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังมีบทบาทในการดูแลด้านความมั่นคงภายใน การจัดการภัยพิบัติ การบริหารทะเบียนราษฎร รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในเรื่องบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารราชการต่าง ๆ กล่าวได้ว่ามหาดไทยคือกระทรวงที่ “เข้าถึงประชาชนในทุกระดับ”
อำนาจที่สร้างผลต่อเกมการเมือง
นอกจากบทบาททางบริหารแล้ว กระทรวงนี้ยังเป็น “แหล่งอำนาจ” ที่สำคัญในทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงการเลือกตั้งหรือการเตรียมฐานเสียงในพื้นที่ต่าง ๆ ข้าราชการมหาดไทยเป็นกลไกที่สามารถช่วยให้พรรคการเมืองเข้าถึงกลุ่มชาวบ้านได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
จึงไม่น่าแปลกใจที่ในช่วง การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี พรรคการเมืองขนาดกลางหรือกลุ่มการเมืองพันธมิตร จะยื่นขอหรือพยายามรักษาตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยไว้ในมือ เพราะถือเป็นจุดแข็งสำคัญทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และการต่อรองภายในพรรคร่วมรัฐบาล
ตัวแปรสำคัญต่อการอยู่รอดของรัฐบาล
แม้จะไม่มีอำนาจสั่งการระดับประเทศเหมือนกระทรวงการคลังหรือกลาโหม แต่ รัฐมนตรีมหาดไทย มักเป็นผู้ที่สามารถ “ประสานงาน” กับผู้นำท้องถิ่นได้ดี หากกระทรวงนี้อยู่ในมือของพรรคที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับระดับรากหญ้า ย่อมเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้รัฐบาลมีความมั่นคงมากขึ้นในระยะยาว
ในอดีต นักการเมืองผู้มีอิทธิพล มักจะได้รับเก้าอี้กระทรวงนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสมัยของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก, นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือกระทั่งล่าสุดอย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ล้วนสะท้อนความสำคัญของตำแหน่งนี้ ในสายตาของพรรคการเมืองและกลุ่มอำนาจต่าง ๆ