นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืนชัดเจนไม่เห็นด้วยกับการผลักดันให้เปิด “เอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์” หรือสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาล โดยอ้างว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อแนวคิดดังกล่าว แต่รัฐบาลไทยกลับไม่รับฟังเสียงเตือนและยังคงเดินหน้าผลักดันเต็มที่ และยังวิจารณ์ว่าการเดินหน้าดำเนินนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและการท่องเที่ยวของไทย
ค้านสุดซอย ย้ำไม่ใช่แค่เรื่องศีลธรรม
นายอนุทิน เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมาธิการเศรษฐกิจว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เคยเห็นด้วยกับแนวทางการส่งเสริมเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ที่รวมถึงกิจการคาสิโน โดยให้เหตุผลว่าไม่เพียงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักศีลธรรม แต่ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว โดยระบุว่า “เราไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น ไม่ใช่แค่เรื่องศีลธรรม แต่เป็นเรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะยาว”
เขายังยกตัวอย่างหลายประเทศที่เคยทดลองแนวทางดังกล่าวแล้วต้องเผชิญกับปัญหาอาชญากรรมและหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไทยไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลด้านลบเหล่านี้ต่อสาธารณชนอย่างครบถ้วน
ผู้นำจีนส่งสัญญาณลบ แต่ไทยยังเดินหน้า
นายอนุทิน ระบุว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีท่าทีไม่เห็นด้วยต่อการเปิดเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ในไทย โดยเฉพาะหากมีการตั้งอยู่ในพื้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจสำคัญ เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือบริเวณแนวพรมแดนที่จีนมีแผนการลงทุนระยะยาว
นายอนุทินให้ข้อมูลว่า “จีนมีนโยบายชัดเจนว่าไม่สนับสนุนพื้นที่การพนัน และไม่อยากให้โครงการของไทยที่เชื่อมโยงกับความร่วมมือของจีนมีภาพลักษณ์ที่กระทบความมั่นคง” พร้อมเตือนว่าหากไทยยังเดินหน้าฝืนแนวทางของจีน อาจทำให้โครงการความร่วมมือในอนาคต เช่น ระบบรางหรือเขตเศรษฐกิจ อาจชะลอตัว และเรื่องนี้ยังส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงทันทีกว่า 90%
จากข้อมูลวงใน กระทรวงการต่างประเทศก็ได้รับการติดต่อจากสถานเอกอัครราชทูตจีนในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยแสดง “ความกังวล” ต่อการดำเนินนโยบายของฝ่ายไทย ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับประเด็นนี้

รัฐบาลหูดับ ไม่สนเสียงประชาชน?
แม้จะมีเสียงท้วงติงจากภาคการเมือง ภาคประชาชน และคู่ค้าระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลยังคงผลักดันร่างกฎหมายที่เอื้อต่อการเปิดเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ในหลายพื้นที่ โดยอ้างว่าจะสามารถเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและภาษีได้กว่าแสนล้านบาทต่อปี
นายอนุทิน ให้ความเห็นว่า รัฐบาลไม่เคยทำประชาพิจารณ์อย่างเป็นระบบ และไม่ได้เปิดเผยข้อมูลผลกระทบในเชิงลึก พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “ข้อมูลที่ถูกนำเสนอในที่สาธารณะมีเพียงด้านบวก โดยละเลยผลกระทบต่อครอบครัว ชุมชน และเยาวชน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง”
พรรคภูมิใจไทยจึงเตรียมเดินหน้ายื่นคำร้องต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบผลกระทบอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะดำเนินการต่อไปในสภา


