ชาวบ้าน-ภาคธุรกิจบุรีรัมย์ เตรียมแถลงกรณีเขากระโดง 7 ส.ค.นี้

กลุ่มผู้ถือเอกสารสิทธิที่ดิน “เขากระโดง” บุรีรัมย์ 995 ราย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ เตรียมจัดแถลงข่าวใหญ่ที่สนามช้างฯ 7 สิงหาคม ก่อนพาสื่อมวลชนลงพื้นที่จริง หลังมหาดไทยประกาศเพิกถอนสิทธิ ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และนิติบุคคล

แถลงข่าวใหญ่ก่อนลงพื้นที่จริง

ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในกรณีพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อกลุ่มชาวบ้านและภาคธุรกิจในพื้นที่จำนวน 995 ราย ซึ่งถือครองเอกสารสิทธิรวมกว่า 5,083 ไร่ เตรียมจัด แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ใจกลางเมืองบุรีรัมย์

ภายหลังการแถลงข่าว กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจะนำ สื่อมวลชนและสาธารณชนลงพื้นที่จริง เพื่อแสดงให้เห็นภาพของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งมีทั้งบ้านเรือน พื้นที่ประกอบธุรกิจ และพื้นที่ของนิติบุคคลที่ดำเนินการมาเป็นเวลานาน โดยกิจกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ สื่อสารข้อเท็จจริงอีกด้าน ก่อนที่ภาครัฐจะดำเนินการตามมติการเพิกถอนสิทธิที่ดิน

มหาดไทยเพิกถอนสิทธิที่ดิน

กระแสความตึงเครียดปะทุขึ้นอีกครั้งหลัง กระทรวงมหาดไทย โดยอาศัยอำนาจตามคำวินิจฉัยของ ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการ เพิกถอนเอกสารสิทธิในพื้นที่เขากระโดง โดยให้ถือว่าเป็นที่ดินของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งได้รับการสงวนไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน

แม้คำวินิจฉัยดังกล่าวจะมีผลในทางกฎหมาย แต่ ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ต่างโต้แย้ง ว่าตนเองเข้ามาอยู่อาศัยและทำมาหากินโดยสุจริต มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามขั้นตอนที่ราชการออกให้ และหลายรายซื้อขายต่อจากเจ้าของเดิมมาโดยไม่รู้ว่าเป็นที่ดินพิพาท

ภาคธุรกิจและนิติบุคคลรับผลกระทบวงกว้าง

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทำให้การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับความสนใจคือ ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและนิติบุคคลในพื้นที่ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สำนักงาน ร้านค้า และโครงการขนาดใหญ่บางแห่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินที่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

หลายฝ่ายมองว่า หากไม่มีแนวทางจัดการที่ชัดเจนและยุติธรรม จะเกิดความเสียหายทั้งในแง่การลงทุนและความเชื่อมั่นของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับเอกสารสิทธิมาจากรัฐเองในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

ข้อเรียกร้องและท่าทีของประชาชนในพื้นที่

กลุ่มผู้ถือเอกสารสิทธิที่เตรียมแถลงข่าว ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนว่า ไม่ได้ปฏิเสธอำนาจของศาลหรือกฎหมาย แต่ขอให้ภาครัฐเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมเสนอให้มีคณะกรรมการกลางที่มีตัวแทนจากทุกฝ่าย ร่วมกันพิจารณาทางออกที่สมเหตุสมผล โดยไม่สร้างบรรทัดฐานใหม่ที่อาจละเมิดสิทธิประชาชนโดยสุจริต

การรวมตัวแถลงข่าวในวันที่ 7 สิงหาคมจึงถือเป็นการ ยืนยันสิทธิและขอความเป็นธรรม จากภาครัฐ โดยคาดว่าจะมีตัวแทนภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และนักกฎหมายร่วมแสดงจุดยืนอย่างพร้อมเพรียง

จับตากฤษฎีกา สอบคุณสมบัติประธาน กสทช. หวั่นโดนอ้างปัญหาทางเทคนิคกฎหมายซ้ำอีก

ไทยเปิดทาง ICRC เยี่ยม 18 ทหารกัมพูชา ย้ำไม่ละเมิดหลักมนุษยธรรม