ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง สอบอดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ปมจัดสอบตุลาการปี 62 ไม่ชอบ

วันที่ 14 ตุลาคม 2568 — ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องของ พ.ต.ต.ชาตรี เขียวภักดี ที่ขอให้วินิจฉัยกรณี นายปิยะ ปะตังทา อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด จัดสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปี 2562 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ ศาลอื่นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47(5)

ศาลรัฐธรรมนูญชี้เป็นกรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของ พ.ต.ต.ชาตรี เขียวภักดี ซึ่งอ้างว่ากระบวนการสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปี 2562 ที่ดำเนินการโดย นายปิยะ ปะตังทา ในฐานะอดีตประธานศาลปกครองสูงสุด และคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีความไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พ.ต.ต.ชาตรีระบุว่า การจัดสอบข้อเขียนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ตน เสียสิทธิในการเข้ารับราชการเป็นตุลาการศาลปกครอง อันเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ และขัดต่อรัฐธรรมนูญหลายมาตรา

อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า จากข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฏว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาว่า การกระทำของ ก.ศป. และนายปิยะ เป็นการชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อผู้ร้อง อีกทั้งไม่มีเหตุให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ด้วยเหตุนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นว่า คดีดังกล่าวเป็น เรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ตามมาตรา 47(5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ซึ่งระบุให้ศาล ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ในกรณีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาลอื่น

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขอถอนตัวแต่ที่ประชุมไม่อนุญาต

ก่อนการพิจารณาคดี นายสุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นขอถอนตัวจากการพิจารณา เนื่องจากเคยเป็นหนึ่งในกรรมการสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปี 2562 ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกับในคำร้อง

แต่ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่อนุญาตให้ถอนตัว โดยให้เหตุผลว่า นายสุเมธไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นที่พิจารณาในครั้งนี้ และไม่มีผลกระทบต่อความเป็นกลางในการพิจารณาคดี

ศาลย้ำหลักเกณฑ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ไม่เปิดช่องให้ร้องซ้ำกรณีตัดสินแล้ว

ในคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญได้อ้างอิงถึง รัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ซึ่งกำหนดสิทธิของบุคคลในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เฉพาะกรณีที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาลอื่น เพื่อป้องกันการใช้สิทธิซ้ำซ้อนหรือขัดต่อหลักการยุติธรรม

ดังนั้น คำร้องของ พ.ต.ต.ชาตรี จึงไม่เข้าเงื่อนไขตามบทบัญญัติดังกล่าว ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา และให้ยุติเรื่องโดยสมบูรณ์

“รศ.ดร.ปณิธาน” ชี้ปมเครื่องเสียงชายแดนไม่กระทบภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก ย้ำต้องบริหารตามกติกาสากล

“บิ๊กเล็ก” ปัดตอบปม “กัน จอมพลัง” เปิดซาวด์ชายแดน โยนถามแม่ทัพภาคที่ 1