“อนุทิน” ดัน “เอกนิติ” เป็นแคนดิเดตนายกคนที่ 2 ชี้ภูมิใจไทยใหญ่ขึ้น!

อนุทินชี้เตรียมดันเอกนิติเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 ของพรรคภูมิใจไทย สะท้อนยุทธศาสตร์ใหม่ก่อนเลือกตั้ง พร้อมปฏิเสธสกัดทักษิณในคดีพักโทษ ชี้ทำตามกลไกกฎหมาย

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ชี้แจงกระแสข่าวกรณีระเบียบพักโทษนอกเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ว่า ไม่ได้มีเจตนาสกัดกั้นไม่ให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาช่วยหาเสียงให้พรรคเพื่อไทย โดยย้ำว่ารัฐบาลบริหารบนกลไกของกฎหมาย ไม่ใช่การใช้อำนาจสั่งการ ขณะเดียวกันยังเปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทยเตรียมเสนอ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่สอง เพื่อรองรับสถานการณ์การเมืองและการขยายตัวของพรรค

อนุทินปฏิเสธแทรกแซง \”ระเบียบพักโทษนอกเรือนจำ\”

นายกรัฐมนตรีระบุว่า กระแสวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้อำนาจเพื่อจำกัดบทบาทของทักษิณเป็นสิ่งที่ “คิดเกินไป” และไม่สอดคล้องกับแนวทางบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ โดยย้ำว่าการใช้กฎหมายต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ใช่เพื่อการแก้แค้นทางการเมืองเหมือนที่พรรคภูมิใจไทยเคยเผชิญในอดีต

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจต่างๆ ในคดีพักโทษเป็นอำนาจตามขั้นตอนของส่วนราชการ ไม่ใช่คำสั่งของฝ่ายการเมือง พร้อมยืนยันว่าทุกขั้นตอนตรวจสอบได้และตั้งอยู่บนหลักความเป็นธรรมทางกฎหมาย

คำร้องอภัยโทษ “ทักษิณ” เดินหน้าแล้ว

ในส่วนของการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้ลงนามและส่งเรื่องเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นภารกิจที่ค้างมาจากช่วงที่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นกระบวนการปกติของฝ่ายบริหารตามระเบียบราชการ

อนุทินย้ำว่า ภาครัฐไม่มีเจตนาล่าช้าหรือเร่งรัดเพราะเหตุผลทางการเมือง การดำเนินการทุกอย่างต้องผ่านการตรวจสอบรอบด้านก่อนเสนอตามขั้นตอนของสำนักนายกรัฐมนตรี

เปิดชื่อ “เอกนิติ” ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ คนที่สองของภูมิใจไทย

ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีสร้างความสนใจทางการเมืองเมื่อระบุว่า พรรคภูมิใจไทยเตรียมเสนอชื่อ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพิ่มอีกหนึ่งรายชื่อ โดยให้เหตุผลว่า พรรคมี “ขนาดใหญ่ขึ้น” และต้องการทีมผู้นำที่ตอบสนองต่อสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การดึงเอกนิติเข้ามาเป็นตัวเลือกสะท้อนทิศทางใหม่ของพรรค โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเอกนิติมีภาพลักษณ์เชี่ยวชาญเชิงโครงสร้างและการคลัง แม้ปัจจุบันเขายัง “ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค” แต่มีการติดต่อกันแล้วเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า

เส้นทางอาชีพและความเชี่ยวชาญของเอกนิติ

เอกนิติสำเร็จการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่ University of Illinois at Urbana-Champaign และจบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระหว่างประเทศจาก Claremont Graduate University ประเทศสหรัฐอเมริกา

ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขาเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รวมถึงมีประสบการณ์ระหว่างประเทศในฐานะอัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจการคลังประจำสหราชอาณาจักรและยุโรป ตำแหน่งล่าสุดก่อนเข้าสู่ ครม. คืออธิบดีกรมธนารักษ์เมื่อปี 2567


📰 อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ The Mainstream

“อนุทิน” สุดมั่นใจ คอร์รัปชั่นลดลง! หลังรัฐบาลชุดนี้มาบริหาร

คณะสำรวจไทย-กัมพูชา บินโดรนปักหมุดชายแดน ทูต 18 ปท.ร่วมสังเกตการณ์