รัฐบาล อิหร่าน ประกาศปิด ช่องแคบฮอร์มุซ อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของ สหรัฐอเมริกา ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง การปิดช่องแคบซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือส่งออกน้ำมันที่สำคัญที่สุดของโลก สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดพลังงานสากลอย่างฉับพลัน พร้อมส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองในตะวันออกกลางอย่างกว้างขวาง
การตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซของ รัฐบาลอิหร่าน เกิดขึ้นหลังจากฐานทัพทางยุทธศาสตร์ของอิหร่านในเมือง บันดาร์อับบาส ถูกโจมตีโดยสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC)
พลตรีอับบาส นัคดีย์ โฆษกกองทัพอิหร่านกล่าวว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซเป็น “มาตรการทางยุทธศาสตร์ที่จำเป็น” เพื่อรักษา อธิปไตยและความมั่นคงของชาติ พร้อมเตือนว่าหากการยั่วยุจากวอชิงตันยังดำเนินต่อไป อิหร่านจะพิจารณาตอบโต้ในระดับที่ “ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป”
ช่องแคบฮอร์มุซคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ
ช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) เป็นช่องทางเดินเรือแคบ ๆ ระหว่าง อ่าวเปอร์เซีย และ ทะเลอาหรับ ซึ่งมีความกว้างเพียง 33 กิโลเมตร แต่มีความสำคัญระดับโลก เนื่องจากเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันออกสู่ตลาดโลกมากถึง 20% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดต่อวัน
นอกจาก ซาอุดีอาระเบีย และ อิรัก แล้ว ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อย่าง คูเวต, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ กาตาร์ ก็ต้องพึ่งพาช่องแคบนี้เช่นกัน การปิดเส้นทางดังกล่าวจึงไม่เพียงกระทบอิหร่านกับสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังกระทบซัพพลายเชนพลังงานของโลกในทันที

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจต่อประเทศผู้ใช้น้ำมัน
หลังข่าวการปิดช่องแคบแพร่กระจาย ตลาดน้ำมันโลกเกิดแรงสั่นสะเทือนทันที ราคาน้ำมันดิบ เบรนท์ (Brent Crude) พุ่งขึ้นกว่า 12% ภายใน 6 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ของสหรัฐฯ ทะลุระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ประเทศพัฒนาแล้วอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน และ อินเดีย ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางเป็นหลัก เริ่มเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อวางแผนสำรองน้ำมัน ขณะเดียวกัน หลายสายการเดินเรือเตือนลูกค้าให้เลี่ยงเส้นทางดังกล่าวชั่วคราว จนกว่าจะมีความคืบหน้าในทางการทูต
นักวิเคราะห์ชี้ อาจลุกลามเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค
ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ ซิงห์ จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ระบุว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซในเวลานี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ ความขัดแย้งทางทหารที่กว้างขึ้นในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ ตอบโต้กลับในระดับที่เท่าเทียมหรือรุนแรงกว่า
เขาชี้ว่า ช่องแคบฮอร์มุซไม่ใช่แค่เส้นทางพลังงาน แต่ยังเป็น “เครื่องมือทางการเมือง” ที่อิหร่านใช้ต่อรองกับชาติตะวันตกมานานหลายทศวรรษ ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้าทางการทูตในเร็ววันนี้ อาจเกิดวิกฤติด้านราคาน้ำมันและความไม่มั่นคงในตลาดการเงินโลก