พิชัยนำ “ทีมไทยแลนด์” ลุยสหรัฐ หวังเจรจาภาษีทรัมป์แบบ Win‑Win

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำทีมผู้แทนรัฐบาลไทยเดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อเริ่มการเจรจาเรื่องมาตรการภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐ ท่ามกลางเส้นตาย “การระงับชั่วคราว” ของทรัมป์ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 9 ก.ค. โดยมุ่งเป้าให้เกิดผลประโยชน์ร่วม (win‑win) ทั้งสองประเทศ

ทำไมต้องรีบเจรจาภาษีก่อน “การระงับชั่วคราว” สิ้นสุด

ไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐ ในเบื้องต้นไทยได้รับการผ่อนผันด้วยการตั้งอัตราภาษีไว้ที่ 10% แทนที่จะเป็น 36% แต่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใหม่ภายใน “การระงับชั่วคราว” ที่สิ้นสุด 9 ก.ค. ไทยอาจเผชิญอัตราภาษีหนักถึง 36% ซึ่งเสี่ยงกระทบต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป

ภาคการตลาดส่งออกไทย ซึ่งอาศัยรายได้จากตลาดสหรัฐฯ มูลค่าการส่งออกรวมกว่า 55 พันล้านดอลลาร์ต่อปี จึงต้องการความแน่นอนด้านภาษีและโควต้านำเข้าที่เท่าเทียมกับประเทศคู่แข่ง เอกชนและภาครัฐต่างเร่งให้ไทยได้ข้อตกลงใหม่ก่อนเส้นตาย เพื่อป้องกันการสูญเสียศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

พิชัยตั้งเป้าเจรจาเชิงรุก เน้นประโยชน์ร่วม

นายพิชัย ระบุว่าทีมไทยแลนด์จะเจรจาในทุกประเด็นสำคัญ ทั้งอัตราภาษี การลดอุปสรรคทางการค้า และเปิดโอกาสให้ไทยส่งเสริมการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่น พลังงานและวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม เพื่อสร้างสมดุลการค้า ความร่วมมือกันแบบถือประโยชน์ร่วม โดยหวังว่าอัตราภาษีไทยจะไม่สูงกว่าเพื่อนบ้าน และหากเป็นไปได้อยู่ในระดับ 10% เช่นเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น ทีมไทยยังเน้นว่าการเจรจานี้จะรวมถึงมาตรการควบคุมสินค้าลอกเลียน (non‑tariff barriers) และระบบตรวจสอบสินค้า เพื่อให้ไทยไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นช่องทางนำเข้าสินค้าราคาถูกจากประเทศที่สาม

ในช่วงแรกคณะเจรจาจะพบกลุ่มเอกชนและสมาคมอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางการค้า จากนั้นในวันที่ 3 กรกฎาคม ทีมงานจะมีการประชุมสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ โดยมีตัวแทนจาก หอการค้าสหรัฐฯ ร่วมประชุมตามแผน

การประชุมจะกระชับและเจาะลึกทั้งเงื่อนไขทางภาษี การเจรจาขยายโควต้าเฉพาะสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ทั้งในด้านการนำเข้าและการสร้างโรงงานไทยในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ถ้าไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น?

หากเจรจาล้มเหลว ไทยอาจต้องเผชิญภาษีสูงขึ้นเป็น 36% ทันที ซึ่งจะกระทบต่อราคาสินค้าส่งออกและสถานะการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ นักลงทุนและผู้ประกอบการไทยเตรียมแผนรับมือแล้ว เช่น ปรับโครงสร้างต้นทุนหรือหาตลาดใหม่ รองรับสถานการณ์เลวร้าย

ในทางตรงกันข้าม หากเจรจาประสบความสำเร็จ ไทยจะรักษาอัตราภาษีในระดับที่แข่งขันได้ พร้อมขยายโอกาสนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และกระตุ้นการลงทุนสองฝ่ายในระยะยาว ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือแบบ win‑win ระหว่างประเทศผู้ส่งออกกับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย

1 ก.ค. วันวุ่นวาย รัฐบาลเพื่อไทย

ฮุน มาเนต ขู่ไทยห้ามปิดทางเข้าออก 4 ปราสาท พร้อมเดินหน้าปรึกษานักกฎหมายระหว่างประเทศ