นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ออกแถลงผ่านงานประมงแห่งชาติ ที่จ.ตาแก้ว เตือนกรณีไทยปิดทางเข้าออกพื้นที่พิพาท 4 แห่ง ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต โดยพาดพิงว่าเป็นการละเมิดพื้นที่ที่อยู่ในการพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พร้อมยืนยันว่ากัมพูชาจะไม่ร่วมเจรจาทวิภาคีกับไทยจนกว่าด่านชายแดนจะกลับมาเปิดตามเดิม ก่อนบินปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลโลกอย่างเป็นทางการ
ไม่มีการเจรจาจนกว่าไทยจะเปิดด่านก่อน
นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต กล่าวว่าไทยไม่อาจใช้การปิดด่านเพื่อปิดกั้นการเข้าถึงพื้นที่พิพาทได้ โดยเฉพาะ 4 จุดที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ICJ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็น “การล้ำเส้น” และต้องถูกตอบโต้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
เขายังย้ำว่ากัมพูชาจะไม่เข้าร่วมการเจรจาทวิภาคีกับไทยจนกว่าด่านจะกลับมาเปิดตามปกติ และหากเปิดเมื่อไหร่ กัมพูชาจะกลับมาเปิดด่านภายใน 5 ชั่วโมงเพื่อให้การเจรจาเดินหน้าได้ พร้อมยืนยันว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้นปิดด่านก่อน

รุดคุยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ
เพื่อเตรียมรับมือข้อพิพาทชายแดนกับไทยในระดับศาลโลก ฮุน มาเนต ได้เดินทางไปยังกรุงปารีส เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเข้าพบ ศาสตราจารย์ ฌอง-มาร์ก โซแรล (Jean-Marc Sorel) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยปารีส 1 ซอร์บอนน์ ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของกัมพูชาในคดี เขาพระวิหาร ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในช่วงปี 2011–2013
ศาสตราจารย์โซแรล เป็นที่รู้จักในวงการกฎหมายระหว่างประเทศในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตีความคำพิพากษาของ ICJ และเป็นหนึ่งในผู้วางแนวทางทางกฎหมายที่ทำให้กัมพูชาชนะคดีตีความคำตัดสินปี 1962 ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบ ปราสาทพระวิหาร ถูกยอมรับว่าอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชาอย่างชัดเจน การที่ ฮุน มาเนต เลือกโซแรลเป็นที่ปรึกษาอีกครั้ง สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมในการดำเนินคดีต่อไทยในกรณีด่านเข้าออก 4 ปราสาทที่ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน และแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะใช้กลไกศาลโลกเป็นเครื่องมือหลักทางการทูต