รัฐบาล ชักศึก(Rare Earth) เข้าบ้าน

รัฐบาลอนุทินเจอมรสุมทางการเมือง หลังลงนาม MOU แร่หายากกับสหรัฐฯ โดยไม่มีการชี้แจงต่อสาธารณะ ท่ามกลางข้อกังวลว่าไทยอาจตกเป็นหมากในสงครามแรร์เอิร์ธระหว่างจีน–สหรัฐฯ

ต้นทุนความเชื่อมั่นความโปร่งใสต่ำ สวนทางกับลมใต้ปีกที่พาบินสูง

คำจำกัดความที่ไม่เกินเลยสำหรับ “รัฐบาลเซราะกราว” ชุดนี้

ความปลาบปลื้มปีติยังปริ่มล้นอยู่ในหัวอก กับการเปิดตัวบนเวทีโลกครั้งแรกของ นายกฯ“หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ในเวทีสุดยอดอาเซียน และสุดยอดอาเซียนพลัส บวก ๆ ที่ “เสี่ยหนู” ได้มีโอกาสกระทบไหล่เหล่าผู้นำโลก ทั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ผู้นำออสเตรเลีย ผู้นำนิวซีแลนด์ นายกฯเกาหลีใต้ นายกฯญี่ปุ่นคนใหม่ รวมไปถึงผู้นำชาติในกลุ่มอาเซียน

ชูวาระแห่งโลก การปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งสแกมเมอร์(จ.ป.ข. = จีนปนเขมร) ที่อาละวาดสร้างความเสียหายไปทั่วโลก ก็ถือว่า “นายกฯหนู” ทำการบ้านมาดี เล่นได้ตามสคริปที่ทีมงานเตรียมไว้ให้

คะแนนกำลังมาดีๆ กับการเข็นประเทศไทย ให้กลับเข้าไปอยู่ในจอเรดาห์นานาประเทศอีกครั้ง แต่ดันมาพลาดตกเก้าอี้ก็ตรง MOU แรร์เอิร์ธ (Rare Earth)

ไปทำมุบๆ มิบๆ เซ็นลงนามกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ความมาแตกก็ตอน ผู้นำสหรัฐ โพล่งกลางวงลงนามปฏิญญามาเลย์ หย่าศึกไทย-กัมพูชา ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

โดยใช้ปมความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นตัวประกัน

ทำให้พี่น้องคนไทยหูตาสว่างขึ้นมาทันที

วันนี้การแข่งขันครอบครองแร่หายาก หรือแรร์เอิร์ธ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่งจะเริ่ม แน่นอนว่าจะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ แรร์เอิร์ธ กลายเป็นเครื่องมือต่อรองทางเศรษฐกิจ และเกมการเมืองภูมิรัฐศาสตร์โลกไปแล้ว

แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับไม่รู้ว่าประเทศไทยเราก็มีแร่หายาก และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ร่วมของโลก คู่กับออสเตรเลีย และไนจีเรีย มีโครงการทั้งใน จ.นครราชสีมา, กาญจนบุรี, ภูเก็ต และพังงา

จากข้อมูลประเทศผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ของโลก 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน 270,000 ตัน เป็นผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก ควบคุมตลาดกว่า 70% 2.สหรัฐฯ 45,000 ตัน 3.เมียนมา 31,000 ตัน 4.ออสเตรเลีย 13,000 ตัน 5.ไนจีเรีย 13,000 ตัน 6.ไทย 13,000 ตัน 7.อินเดีย 2,900 ตัน 8.รัสเซีย 2,600 ตัน 9.มาดากัสการ์ 2,000 ตัน และ 10.เวียดนาม 300 ตัน

สำหรับประเทศไทย มีความท้าทายที่ต้องเตรียมความพร้อม ได้แก่ การพัฒนาบุคลากร ที่ต้องเร่งพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแปรรูปแร่หายาก รวมถึงเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อม กระบวนการแปรรูปแร่หายากต้องได้มาตรฐานสากล ที่สำคัญคือ การรักษาสมดุลทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ-จีน

แม้ฝ่ายรัฐบาล ทั้ง นายกฯ“หนู”, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง, “รมต.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม, รวมไปถึงมือระดับ “ศิษย์ก้นกุฏิ ซือแป๋” ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาฯกฤษฎีกา รีบออกตัวมาแจงหน้าเสื่อ

สหรัฐฯแค่อยากขอมีส่วนร่วมเข้ามาพัฒนา ขณะที่องค์ความรู้ หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่ของไทย ยังไม่รองรับการแปรรูปแร่เหล่านี้เป็นแร่บริสุทธิ์ ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ และใน MOU เขียนไว้ชัด ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ความเป็นธรรม หลักธรรมาภิบาล และกฎระเบียบกฎหมายของไทย ไม่ผิดต่อรัฐธรรมนูญ

เปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย ไปหาความร่วมมือกับชาติอื่นได้ และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยกเลิกข้อสัญญานี้ได้เลย โดยไม่ต้องรับการยินยอมจากอีกฝ่าย เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง

ที่สำคัญคือ MOU ฉบับนี้ ถูกใช้เป็นเครื่องต่อรองขอผ่อนปรน มาตรการกำแพงภาษีทรัมป์ และผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมครม.นัดพิเศษมาแล้ว

คนก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เรื่องสำคัญขนาดนี้ ถือว่ามีผลผูกพันกับความมั่นคงของชาติในอนาคต แต่รัฐบาลอนุทิน กลับงุบงิบทำกัน ไม่ยอมชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ เหมือนลักหลับผ่านความเห็นชอบกันโดย ครม.นัดพิเศษ

ไม่รู้ว่าเสนอเข้าไปเป็น “วาระจร” ด้วยหรือไม่

ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติ จะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน กมธ.ต่างประเทศ ของสภาฯ ที่มี สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เตรียมเรียก นายกฯอนุทิน, สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เข้าชี้แจง

แม้รัฐบาลจะอ้างว่าเป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ ไม่มีผลทางกฎหมาย ยกเลิกเมื่อไรก็ได้ แต่สิ่งที่ประชาชนกังวล คือรัฐบาลไม่เคยบอกว่ามีการแอบเจรจาเรื่องนี้กับใคร แม้แต่ พิชัย ชุณหวชิร อดีตรมว.คลัง และอดีตหัวหน้าคณะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ก็ยืนยันว่าไม่เคยหารือประเด็นนี้ ในโต๊ะเจรจาที่ผ่านมา

บวกกับ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ตั้งคำถามดังๆว่า รัฐบาลยอมให้ประเทศชาติเสียเปรียบขนาดนี้ได้อย่างไร หลังอ่านถ้อยคำใน MOU ล้วนแต่เอื้อประโยชน์สหรัฐฯ ทำให้ไทยกลายเป็นแค่หมากในสงครามแรร์เอิร์ธระหว่างจีน-สหรัฐฯไปแล้ว

ผู้นำที่ดี ต้องรับทั้งผิด และชอบ ต่อผลประโยชน์ของชาติ

แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า “รัฐบาลอนุทิน” จะไม่ชักศึกเข้าบ้าน..!


📰 อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ The Mainstream

ต้นไม้ใหญ่ทนแรงลม! “ธรรมนัส” อวยตัวเอง ย้ำ “กล้าธรรม” โปร่งใส

เปลืองต้นทุน …มากไปแล้วนะ “หนู”