กระแสแรงสะเทือนภายในพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้นเมื่อการตัดสินใจไม่ถอนตัวจากรัฐบาลเพื่อไทย จุดประกายความไม่พอใจในหมู่สมาชิกบางส่วน ส่งผลให้หลายคนตัดสินใจ ลาออกจากตำแหน่ง หรือ ออกจากพรรค เป็นการแสดงออกถึงอุดมการณ์ทางการเมือง ที่เริ่มจะไปกันไม่ได้อย่างชัดเจน โดยมีทั้งอดีตผู้สมัคร ส.ส. และผู้บริหารพรรคที่ประกาศจุดยืนไม่ทนอยู่ในโครงสร้างอำนาจที่ไม่ตอบสนองต่อหลักการและอุดมการณ์ของตน
รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี “อยู่ต่อไปก็ไร้ศักดิ์ศรี”
รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี อดีตผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และผู้บริหารพรรคระดับกลาง ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 โดยให้เหตุผลตรงไปตรงมาว่า “อยู่ต่อไปก็ไร้ศักดิ์ศรี” เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับท่าทีของพรรคที่ยังคงสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย แม้จะเกิดความสั่นคลอนจากปมคลิปเสียงและวิกฤตทางการทูตกับกัมพูชา
รัดเกล้ายืนยันว่าการตัดสินใจนี้ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหรือความทะเยอทะยานส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคไม่ยืนหยัดในหลักการที่เคยประกาศไว้ตอนเลือกตั้งว่า จะไม่สนับสนุนเพื่อไทยที่จับมือกับพลังประชารัฐ และยังย้ำว่าความเงียบของพรรคคือ “การทรยศต่อความคาดหวังของประชาชน”
วทันยา บุนนาค “ไม่อยากหักหลังประชาชน”
นางสาววทันยา บุนนาค หรือ “มาดามเดียร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากพรรค เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 หลังพรรคตัดสินใจไม่ถอนตัวจากรัฐบาล เธอให้เหตุผลชัดเจนว่า “ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ขัดกับอุดมการณ์และเจตนารมณ์ที่ประชาชนไว้วางใจให้เข้ามาทำงานได้อีกต่อไป”
มาดามเดียร์เผยว่า การอยู่ต่อจะเท่ากับเป็นการยอมรับโครงสร้างการเมืองที่ตนไม่ศรัทธา และเป็นการทรยศต่อเสียงประชาชนที่หวังให้พรรคเป็นฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ เธอจึงขอเลือกออกมาเพื่อยืนในจุดที่ตนเชื่อมั่นมากกว่าการยอมจำนนในระบบที่ขาดความโปร่งใส

น.ต.สุธรรม ระหงษ์ “หลักการไม่ตรงกันก็ไม่ขอรับตำแหน่ง”
อีกหนึ่งเสียงที่ไม่อาจอยู่ต่อได้คือ นาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
น.ต.สุธรรม ระบุว่า แม้พรรคจะมีมติร่วมรัฐบาลต่อ แต่ตนไม่สามารถสนับสนุนแนวทางนี้ได้อีกต่อไป โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พรรคไม่ได้ยืนเคียงข้างหลักการของตนเอง การออกจากตำแหน่งจึงเป็นการสะท้อนจุดยืน และไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่เคยเลือกพรรค
พรรคร่วมฯ ยังเหนียวแน่น จริงหรือ?
การลาออกของผู้บรหารพรรคนั้นสะท้อนความขัดแย้งทางอุดมการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่แม้จะดูมั่นคงในสายตาสาธารณชน แต่กำลังเผชิญความเปราะบางภายในอย่างเงียบ ๆ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ “พรรคไม่ถอนตัวจากรัฐบาล” แม้จะเกิดกรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีไทยกับอดีตนายกฯ กัมพูชา และกระแสสังคมที่เรียกร้องให้เปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง
แม้จะเป็นเพียงบางเสียงในพรรค แต่การตัดสินใจของ รัดเกล้า, น.ต.สุธรรม, และ วทันยา ได้สะท้อนว่า ความไม่พอใจในระดับบุคคลอาจขยายตัวกลายเป็นกระแสที่กระทบต่อภาพรวมการเมืองในระยะกลางหากพรรคต่าง ๆ ไม่สามารถอธิบายท่าทีของตนให้ประชาชนที่เลือกเข้ามายอมรับได้