อนาคตของ MotoGP ในประเทศไทย: จะไปต่อหรือไม่?

สถานการณ์ปัจจุบันของ MotoGP ในไทย

การแข่งขัน MotoGP ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากรัฐบาลส่งสัญญาณว่า ปี 2569 อาจเป็นปีสุดท้ายของการจัดแข่งขันในประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมกีฬามอเตอร์สปอร์ต

เนวิน ชิดชอบ ประธาน สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของ MotoGP ในไทย โดยระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 5,400 ล้านบาท และสร้างงานให้กับคนกว่า 7,772 ตำแหน่ง ต่อปี ซึ่งเป็นประโยชน์มหาศาลต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและประเทศโดยรวม

ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ MotoGP

ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย โดยระบุว่า MotoGP เป็นอีเวนต์ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการท่องเที่ยว การจ้างงาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬามอเตอร์สปอร์ตของประเทศ

เขากล่าวว่า “จากตัวเลขเศรษฐกิจที่เราประเมิน การจัด MotoGP ในไทยช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล รัฐบาลลงทุนปีละประมาณ 400-500 ล้านบาท แต่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้กว่า 5,000 ล้านบาท ถือเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า”

อย่างไรก็ตาม การต่อสัญญาหรือไม่ยังขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล โดยขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในการตัดสินใจครั้งสุดท้าย

การสนับสนุนจากภาครัฐและข้อถกเถียงเรื่องงบประมาณ

การแข่งขัน MotoGP ในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมาโดยตลอด โดยมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อซื้อลิขสิทธิ์และส่งเสริมการจัดงาน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังพิจารณาว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ เนื่องจากต้องประเมินว่าการลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าหรือไม่ในเชิงเศรษฐกิจ

รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า MotoGP ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศได้กว่า 4,200 ล้านบาท ในแต่ละปี และยังทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก อย่างไรก็ตาม มีเสียงคัดค้านจากบางฝ่ายที่มองว่า งบประมาณที่ใช้ไปอาจนำไปพัฒนาโครงการอื่นที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า

การเปรียบเทียบ MotoGP และ Formula 1

อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้การต่อสัญญา MotoGP ไม่แน่นอน คือความสนใจของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula 1 (F1) ซึ่งถือเป็นกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมในระดับโลกและอาจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า

สนธยา คุณปลื้ม ได้เสนอแนวคิดให้ พัทยา ชลบุรี เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Formula 1 โดยมีการพิจารณาว่าสามารถสร้างสนามแข่งใหม่ หรือปรับปรุงเส้นทางเมืองให้เป็นสนามแข่งได้ อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าภาพ Formula 1 ต้องใช้งบประมาณที่สูงกว่าการจัด MotoGP และต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างมหาศาล

ทิศทางของรัฐบาลต่ออนาคตของ MotoGP

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับอนาคตของ MotoGP และได้มอบหมายให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการแข่งขันนี้

ขณะนี้ ทางภาครัฐกำลังชั่งน้ำหนักระหว่าง การต่อสัญญา MotoGP กับการผลักดันโครงการ Formula 1 โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านต้นทุน ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ

MotoGP จะไปต่อหรือไม่?

อนาคตของ MotoGP ในประเทศไทย ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา หากรัฐบาลตัดสินใจไม่ต่อสัญญา ปี 2569 อาจเป็นปีสุดท้ายของการแข่งขันนี้ในประเทศ อย่างไรก็ตาม แรงสนับสนุนจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตและภาคเอกชนอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศไทยยังคงเป็นเจ้าภาพของ MotoGP ต่อไป

การตัดสินใจครั้งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า รัฐบาลจะเลือกให้ MotoGP อยู่ต่อ หรือหันไปมุ่งเน้น Formula 1 แทน

เลขา สปส.รับปากเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดใน 1 สัปดาห์ หลัง 2 สส.ปชน.ร้องขอ

ประชุมสภาเซอร์เบียระอุ ส.ส.ฝ่ายค้านยิงระเบิดควัน บาดเจ็บ 3 ราย