รองนายกฯ ประเสริฐ ยืนยันมติปลดล็อก ขายเหล้าในวันพระใหญ่
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย” ถึงมติสำคัญของ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่เห็นชอบให้ปลดล็อกข้อห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ เฉพาะ 5 พื้นที่ ได้แก่ สนามบินนานาชาติ โรงแรม และสถานที่จัดกิจกรรมระดับชาติ
“การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราส่งเสริมการดื่มสุรา แต่เป็นการปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ” นายประเสริฐกล่าว
การปลดล็อกครั้งนี้เป็นการขยายแนวทางจากปี 2565 ที่รัฐบาลเคยอนุญาตให้ โรงแรมขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 14.00-18.00 น. และปี 2567 ที่มีมติให้ สนามบิน 6 แห่ง จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศได้
5 พื้นที่ที่ได้รับการปลดล็อก
นายประเสริฐ ชี้แจงในรายการว่า 5 พื้นที่หลัก ที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ ได้แก่:
- ภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติ ที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ
- สถานบริการที่จดทะเบียนถูกต้อง เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ
- สถานประกอบการที่เปิดให้บริการคล้ายสถานบริการ และตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่องเที่ยว
- โรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้อง ตามกฎหมายโรงแรม
- สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติและนานาชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
“บางพื้นที่ เช่น สนามบิน และโรงแรม เคยได้รับการปลดล็อกไปแล้ว แต่มติครั้งนี้เป็นการปรับถ้อยคำให้ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น” นายประเสริฐกล่าวเสริม
ผู้ประกอบการร้านอาหารโต้ หวังปลดล็อกช่วงเวลาห้ามขายแทน
คุณสรเทพ โรจพจนารถ ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร ให้สัมภาษณ์ว่า การปลดล็อกให้ขายเหล้าในวันพระใหญ่ ไม่ได้ช่วยร้านอาหารโดยตรง เพราะลูกค้าหลักไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล พิจารณายกเลิกข้อห้ามขายเหล้าระหว่าง 14.00-17.00 น. แทน
“เราต้องการให้มีการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะข้อห้ามช่วงบ่ายส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารมากกว่าการห้ามขายในวันพระใหญ่” คุณสรเทพกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐยืนยันว่า การประชุมเมื่อวานนี้ไม่มีการหารือเรื่องการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาห้ามขายแอลกอฮอล์ ดังนั้น กฎระเบียบเดิมยังคงมีผลบังคับใช้
รอประกาศบังคับใช้ภายใน 15 วัน
นายประเสริฐ ระบุว่า มติดังกล่าวจะ มีผลบังคับใช้ภายใน 15 วัน โดยจะมีการออกประกาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับพื้นที่ในเขต กรุงเทพมหานคร จะขึ้นอยู่กับคำสั่งของ กระทรวงมหาดไทย และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี “Amazing Thailand 2025” ซึ่งรัฐบาลต้องการสนับสนุนกิจกรรมระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐย้ำว่า ต้องมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อสังคมในภาพรวม
