ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ ยืนยันไม่โกรธชาดา ไทยเศรษฐ์ ปมตั้งโจรปราบโจร ชี้เข้าใจกันดีในฐานะพี่น้องร่วมสาบาน พร้อมแจงไม่ได้เกี่ยวข้องคุมปราบสแกมเมอร์โดยตรง
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าจะ “ตั้งโจรมาปราบโจร” โดยยืนยันไม่โกรธหรือถือสา พร้อมอธิบายว่าไม่ได้เป็นประธานในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ตามที่เข้าใจกัน ย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็น “พี่น้องร่วมสาบาน” เข้าใจกันดีในฐานะนักการเมืองที่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน
ธรรมนัสแจงไม่ได้คุมปราบสแกมเมอร์ ยันหน้าที่กำกับเพียง 4 กระทรวง
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ระบุว่า ตนไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ เพราะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แต่งตั้งให้เป็นประธานคณะทำงานด้านนี้ โดยบทบาทของตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี คือกำกับดูแล 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ธรรมนัสในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ ย้ำว่าหน้าที่หลักของคณะกรรมการฯ คือการกำหนดนโยบาย และมอบหมายให้แต่ละอนุกรรมการที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ดำเนินการในภาคปฏิบัติ โดยตนให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง พร้อมขอให้มองข้ามวลีที่ถูกนำไปขยายผลทางการเมือง เพราะสิ่งสำคัญคือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ย้ำไม่โกรธ “ชาดา” เพราะเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เข้าใจเจตนากันดี
เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน ร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันว่าไม่มีความโกรธเคืองใด ๆ เพราะรู้จักและคบหากันมาตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านทั้งช่วงสุขและทุกข์มาด้วยกัน ถือเป็น “พี่น้องร่วมสาบาน” ที่เข้าใจกันดี
“ผมกับคุณชาดาเป็นพี่น้องกัน ไม่มีคำว่าโกรธในพี่น้องร่วมสาบาน เข้าใจว่าเขาเป็นคนพูดตรงเหมือนกันกับผม” ธรรมนัสกล่าว พร้อมย้ำว่าความเห็นต่างในทางการเมืองไม่ควรกลายเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะสิ่งสำคัญคือการทำงานเพื่อประชาชน
รับการเมืองถูกตรวจสอบได้เสมอ มั่นใจบริสุทธิ์ทุกข้อกล่าวหา
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวโยงตนเข้ากับหลายประเด็นทางการเมือง ธรรมนัสกล่าวว่า ในฐานะนักการเมือง ต้องพร้อมถูกตรวจสอบได้เสมอ และยืนยันว่าตนผ่านประสบการณ์ทางการเมืองที่หนักหน่วงมาตั้งแต่ปี 2562 สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ทุกครั้ง
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานในวันนี้คือการตอบแทนประชาชนและประเทศชาติ ไม่ได้มุ่งเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว “เรามาเพื่อทำงานให้บ้านเมือง ไม่ใช่เล่นการเมืองมากกว่าการทำการบ้าน” ธรรมนัสกล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมย้ำว่าหากถึงวันที่หมดไฟทางการเมือง ก็จะเปิดทางให้คนรุ่นใหม่มาสานต่อ
ไม่กังวลกระทบฐานเสียง มั่นใจพรรคกล้าธรรมยังได้รับความนิยม
เมื่อถูกถามถึงผลกระทบทางการเมืองหรือฐานเสียงในพื้นที่ ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า พรรคกล้าธรรมยังคงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพราะทำงานเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องในพื้นที่
“ฐานเสียงของพรรคเรามาจากการทำงานจริง ไม่ใช่คำพูด ประชาชนเห็นผลงานจึงให้ความไว้วางใจ” ธรรมนัสกล่าว พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานในแนวทางเดิมเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคและรัฐบาล


