พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กลับสู่สนามการเมืองอีกครั้ง ร่วม “ลุงป้อม” นั่งที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ วางกลยุทธ์คุมศึกเลือกตั้งภาคอีสาน หวังเพิ่มที่นั่ง ส.ส.
วันที่ 20 ตุลาคม 2568 พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หวนคืนสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง หลังตอบรับคำเชิญของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ารับตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ เพื่อวางกลยุทธ์รับมือศึกเลือกตั้งใหญ่ โดยตั้งเป้า “ชิงชัยภาคอีสาน” ใช้สูตรเดิมสมัยพรรคเพื่อไทย ที่เคยกวาดเก้าอี้ ส.ส. ได้ถึง 126 ที่นั่งจาก 136 เขต
“ธรรมรักษ์” รับคำชวน “ลุงป้อม” หวนร่วมทัพ พปชร. หลังเห็นการเมืองยุ่งเหยิง
ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ อย่างเป็นทางการ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เปิดเผยว่า ได้รับการทาบทามจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้กลับมาช่วยพรรค เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน “ยุ่งเหยิง” และมีการ “ซื้อตัวนักการเมืองเหมือนซื้อนักฟุตบอล” ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนมองว่าไม่สอดคล้องกับหลักอุดมการณ์ทางการเมือง
พล.อ.ธรรมรักษ์ ย้ำว่า บทบาทของตนในครั้งนี้จะอยู่ในฐานะ “ที่ปรึกษา” เท่านั้น ไม่มีแผนลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะช่วยเสนอแนวทางด้านความมั่นคงและการจัดการเลือกตั้งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยเน้นให้พรรคทำงานด้วยอุดมการณ์และความมุ่งมั่น ไม่ใช่ด้วยการใช้เงินเป็นเครื่องมือแข่งขัน
วางสูตรคุมอีสาน ดึงกลยุทธ์พรรคเพื่อไทยมาใช้กับ พปชร.
อดีตรัฐมนตรีกลาโหมรายนี้เผยถึงแนวทางทำงานภายใต้ตำแหน่งใหม่ว่า จะนำ “ประสบการณ์ภาคอีสาน” ที่เคยสร้างความสำเร็จให้กับพรรคเพื่อไทยมาปรับใช้ในยุทธศาสตร์ของ พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการบริหารจัดการพื้นที่และการสื่อสารกับประชาชนในระดับรากหญ้า ซึ่งเคยทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งในพื้นที่ถึง 126 เขตจาก 136 เขตทั่วภาคอีสาน
ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ มองว่าภาคอีสานยังคงเป็น “สมรภูมิหลัก” ของการเลือกตั้งทุกสมัย เพราะเป็นพื้นที่ที่มีฐานเสียงหนาแน่นและมีอิทธิพลต่อสมดุลทางการเมืองระดับประเทศ เขาจึงตั้งเป้าให้ พปชร. เพิ่มจำนวนที่นั่งในภาคอีสาน เพื่อเป็นฐานสนับสนุนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต
พิจารณาผู้สมัครใหม่ เตรียมวางแผนเลือกตั้งร่วมกับทีม พปชร.
พล.อ.ธรรมรักษ์ ระบุว่า การเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้เป็นวันแรกของการทำงาน จึงต้องใช้เวลาในการศึกษารายชื่อผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างละเอียด เพื่อประเมินศักยภาพและความพร้อมก่อนกำหนดกลยุทธ์การเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่
เขายืนยันว่า พรรคมีผู้สมัครจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือการวางแผนให้เหมาะสมกับแต่ละจังหวัด รวมถึงต้องเน้นการสื่อสารเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ ขณะเดียวกันยังไม่มีกระแสพูดถึง “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” คนอื่น นอกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยังคงเป็นแกนนำหลักของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
พปชร. เตรียมศึกเลือกตั้งดุเดือดทุกสนาม
เมื่อถูกถามถึงบรรยากาศการเลือกตั้งที่จะมาถึง พล.อ.ธรรมรักษ์ ประเมินว่าการแข่งขันในครั้งหน้าจะเป็นไปอย่างเข้มข้นและ “ดุเดือด” ทุกพรรคต่างเร่งจัดทัพและเตรียมแคมเปญเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนของนโยบายและยุทธศาสตร์หาเสียง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ในภาคอีสานที่เป็นพื้นที่ชี้ขาดผลเลือกตั้ง
เขาทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จของพรรคพลังประชารัฐจะเกิดขึ้นได้ หากสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเห็นว่า พรรคยึดมั่นในอุดมการณ์ และพร้อมทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง


