ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.พรรคประชาชน ชี้แจงกรณีถูกบริษัทซิโน-ไทยฟ้องหมิ่น ยืนยันแชร์ข้อมูลที่เข้าถึงได้ทั่วไป ไม่ได้ระบุว่าเป็นสแกมเมอร์ พร้อมมองว่าเป็นการฟ้องปิดปากทางการเมือง
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ชี้แจงกรณีถูกบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น ฟ้องหมิ่นประมาทจากการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ โดยยืนยันว่าเป็นเพียงการแชร์ข้อมูลที่เข้าถึงได้ทั่วไปในเชิงสาธารณะ มิได้ระบุว่าบริษัทใดเป็นสแกมเมอร์ พร้อมมองว่าการดำเนินคดีครั้งนี้อาจเป็น “การฟ้องปิดปาก” เพื่อสกัดกั้นการตั้งข้อสังเกตทางสังคม
ศุภณัฐชี้แค่แชร์ข้อมูลสาธารณะ ไม่ได้ระบุบริษัทเป็นสแกมเมอร์
นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เปิดเผยว่า การโพสต์ข้อมูลที่เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี เป็นเพียงการแชร์ข้อเท็จจริงว่ามีบริษัทหนึ่งตั้งอยู่ในอาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ โดยไม่ได้ระบุว่าบริษัทนั้นเป็น “สแกมเมอร์” หรือกระทำความผิดตามที่มีการตีความต่อในโลกออนไลน์ พร้อมยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวเป็น “ข้อมูลสาธารณะ” ที่สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
เขากล่าวว่า ทุกบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยต้องแจ้งที่ตั้งอย่างเป็นทางการต่อหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่แล้ว การแชร์ข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นการนำเสนอข้อเท็จจริง ไม่ได้มีเจตนาทำลายชื่อเสียงของบุคคลหรือนิติบุคคลใด
มองเป็นการฟ้องปิดปาก ย้ำเรียกร้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์บริษัทเอง
เมื่อถูกถามว่าการที่บริษัทซิโน-ไทยดำเนินคดีครั้งนี้เข้าข่าย “ฟ้องปิดปาก” หรือไม่ นายศุภณัฐระบุว่า มองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเอง เพราะในโพสต์ของตนมีเพียงการตั้งข้อสังเกตว่า ภาครัฐควรพิจารณายกเลิกสัญญากับบริษัทที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
“สิ่งที่โพสต์เป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ การฟ้องร้องในลักษณะนี้อาจสะท้อนความพยายามปิดปากผู้ที่ตั้งคำถามเชิงสาธารณะ” นายศุภณัฐกล่าว พร้อมระบุว่า สังคมส่วนใหญ่เองก็วิพากษ์วิจารณ์บริษัทซิโน-ไทยในประเด็นดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
พร้อมสู้คดีในชั้นศาล ชี้รัฐบาลต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินสแกมเมอร์
นายศุภณัฐกล่าวว่า ตนพร้อมต่อสู้ในชั้นศาลหากคดีดำเนินไปถึงขั้นนั้น แต่เบื้องต้นเข้าใจว่าอยู่ในขั้นตอนการแจ้งความเท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเส้นทางการเงินและโครงสร้างของบริษัทที่ถูกตั้งข้อสงสัยอย่างละเอียด ทั้งในส่วนของกรรมการ ผู้ถือหุ้นเดิมและปัจจุบัน เพื่อให้สังคมมั่นใจว่ารัฐบาลจริงจังกับการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์
“รัฐบาลควรตรวจสอบอย่างเข้มข้น ไม่ใช่เฉพาะตัวบริษัท แต่รวมถึงธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่ารายได้และรายจ่ายมาจากแหล่งใด เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการฟอกเงิน” นายศุภณัฐกล่าว
เดินหน้าทำหน้าที่ ส.ส. ต่อ แม้ถูกฟ้องหลายกรณี
สำหรับกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาชนหลายรายถูกบริษัทเอกชนฟ้องร้องในลักษณะเดียวกัน นายศุภณัฐระบุว่า พรรคจะยังคงเดินหน้าในการตรวจสอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎรในการตั้งคำถามต่อภาคเอกชนและภาครัฐ โดยยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้คดีหมิ่นประมาทเป็นเครื่องมือจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
“เราจะยังคงทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนต่อไป เพราะถ้ามองว่าการฟ้องเป็นการปิดปาก เราไม่สามารถยอมรับได้” นายศุภณัฐกล่าวย้ำ


