อนุทินชาญวีรกูล นายกฯ ยืนยันไทยรักษาสมดุลระหว่างสองประเทศมหาอำนาจตามหลักภูมิรัฐศาสตร์ เสนอตัวนำแก้อาชญากรรมออนไลน์ ย้ำข้อตกลงแรร์เอิร์ธทำตามกฎหมายไทย พร้อมขอโทษกรณีสื่อสารคลาดเคลื่อนเรื่องดินแดนกัมพูชา
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยหลังเดินทางกลับจากการประชุม เอเปค (APEC) ว่ารัฐบาลไทยยึดหลัก “สมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์” ในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ พร้อมยืนยันว่าไทยเสนอเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา อาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ และการเจรจาเรื่อง แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ดำเนินการภายใต้กฎหมายไทยทุกประการ โดยขอโทษสังคมต่อกรณีสื่อสารผิดพลาดเรื่อง “รุกล้ำดินแดนกัมพูชา” และยืนยันว่าไทยไม่เสียอธิปไตยแน่นอน
ไทยเดินหน้าภูมิรัฐศาสตร์สมดุล เชื่อมสัมพันธ์สองขั้วมหาอำนาจ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลไทยในการประชุม ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ว่า ไทยยังคงดำเนินนโยบายรักษาสมดุลระหว่างสองขั้วมหาอำนาจตามหลัก ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) โดยเน้นผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และความร่วมมือระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีระบุว่า นอกจากการหารือกับผู้นำสหรัฐฯ และจีนแล้ว ไทยยังได้เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้นำประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อสร้างความร่วมมือในหลายมิติ ทั้ง ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว และการลดอุปสรรคทางการค้า ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทใหม่ของไทยในเวทีโลก
ไทยเสนอเป็นผู้นำแก้อาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ
นายอนุทินเผยว่า ในการหารือกับ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มีการพูดคุยถึงมาตรการด้านแรงงานและการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงประเด็น สแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ ซึ่งไทยได้เสนอเป็นผู้นำในการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ
เขาย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการสร้างกลไกร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคงและภาคเอกชน เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศ โดยทุกข้อตกลงจะต้องอยู่บนพื้นฐานของ ผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นหลัก
ข้อตกลงแรร์เอิร์ธต้องโปร่งใส ทำตามกฎหมายไทย
สำหรับการลงนามความร่วมมือด้าน ธาตุแรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ระหว่างไทย กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา นายอนุทินยืนยันว่า เป็นการหารือเชิงเทคนิคภายใต้กรอบกฎหมายของประเทศไทย ไม่ใช่การให้สัมปทานเหมืองแร่ตามที่หลายฝ่ายกังวล โดยทุกขั้นตอนจะต้องผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและผลประโยชน์ระยะยาวของชาติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยพร้อมเปิดรับความร่วมมือในด้านทรัพยากรธรรมชาติ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขอโทษสื่อสารคลาดเคลื่อน ปมดินแดนกัมพูชา ย้ำไทยไม่เสียอธิปไตย
ในประเด็นที่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องข้อพิพาทดินแดนกับกัมพูชา นายอนุทินยอมรับว่าเกิดการ สื่อสารผิดพลาด และได้กล่าวขอโทษต่อประชาชน พร้อมย้ำว่า การเจรจากับกัมพูชายังคงอยู่ในกรอบรักษาผลประโยชน์ของประเทศอย่างเคร่งครัด
เขากล่าวว่า ไทยไม่ได้สูญเสียดินแดนบริเวณ ปราสาทตาควาย แต่อย่างใด โดยการเจรจากับกัมพูชามุ่งสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้กัมพูชาได้เริ่ม ถอนอาวุธบางส่วนออกจากพื้นที่ชายแดน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการคลี่คลายสถานการณ์
ยังไม่เปิดด่านชายแดน รอฟังเสียงประชาชนก่อนตัดสินใจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยจะรับฟังความเห็นของประชาชนและประเมินสถานการณ์ความมั่นคงก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ มีรายงานว่ามี เชลยศึกกัมพูชา 18 คน เตรียมยื่นขอลี้ภัยในไทย ซึ่งรัฐบาลไทยมองว่าเป็นเรื่องระหว่างสองประเทศ และการส่งตัวกลับจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายและผลประโยชน์ของชาติ


