มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ได้อนุมัติงบกลางปีรวมกว่า 115,375 ล้านบาท (1.15 แสนล้านบาท) ภายใต้วงเงินกรอบ 157,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและวางรากฐานระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว การแก้ปัญหาการส่งออก และการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน จากการเปิดเผยของ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง งบดังกล่าวนอกจากช่วยจ้างงานแล้ว ยังคาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีขยายตัวอย่างน้อย 0.4%

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบครบวงจร

ครม.อนุมัติงบ 115,375 ล้านบาทกระจายสู่ 481 โครงการใน 50 หน่วยงาน ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการท่องเที่ยว การลดผลกระทบภาคส่งออก และการสร้างเศรษฐกิจชุมชน โดยโครงการโครงสร้างพื้นฐานได้รับวงเงินสูงสุดถึง 85,000 ล้านบาท และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้รับจัดสรร 10,053 ล้านบาท

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงพัฒนาถนน น้ำระบบชลประทาน และป้องกันน้ำท่วม ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 4.7 ล้านไร่ พร้อมสร้างงานระยะสั้นกว่า 370,000 ตำแหน่ง ด้านการท่องเที่ยวเน้นปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว เมืองรอง และติดตั้งระบบความปลอดภัย เช่น CCTV ซึ่งคาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเพิ่มได้กว่า 2.7 ล้านคน

แก้ปัญหาภาคส่งออก-เสริมศักยภาพ SME

กระทรวงการคลังเน้นการช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก โดยเฉพาะ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามการค้า โดยจัดสรรสินเชื่อพิเศษและเงินทุนดอกเบี้ยต่ำผ่านกองทุนรวม 11,122 ล้านบาท แบ่งเป็นสาขาเกษตร ดิจิทัล แรงงาน โดยตั้งเป้าส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกรและลดภาระผู้ประกอบการพันธุ์ย่อม พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่รองรับการค้าข้ามพรมแดน

กองทุนหมู่บ้านช่วยพัฒนา “ทุนมนุษย์”

รัฐบาลได้จัดสรรเงิน 9,201 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจระดับฐานรากผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กองทุน SML) การพัฒนาทุนมนุษย์ และการศึกษา โดยตั้งเป้าสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และเสริมศักยภาพการพึ่งตนเองของชุมชนทั่วประเทศ

คาดการณ์ GDP โต 0.4%

เงินลงทุนทั้งหมดคาดว่าจะกระจายสู่ระบบเศรษฐกิจ สร้างงานกว่า 7.4 ล้านตำแหน่ง และส่งผลให้จีดีพีของไทยเติบโตเพิ่มขึ้น 0.4% จากฐานเศรษฐกิจปัจจุบัน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และดำเนินการเบิกจ่ายอย่างโปร่งใส เพื่อให้การใช้จ่ายเสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2568-2569