มวลชนบุกพรรครวมไทยสร้างชาติ จี้ถอนตัวรัฐบาล ซัดจำอดีตไม่ได้

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่ พรรครวมไทยสร้างชาติ กรุงเทพฯ กลุ่มมวลชนกว่า 200 คน ในนาม เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) รวมตัวชุมนุมกดดันให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยระบุว่าผิดหวังในท่าทีที่เปลี่ยนไปจากอุดมการณ์ดั้งเดิม พร้อมตั้งคำถามตรงถึง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรคว่า “จำอดีตไม่ได้หรือ?” บรรยากาศหน้าพรรคตึงเครียด ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด

การรวมตัวของกลุ่มมวลชนในครั้งนี้ นำโดย นายวินัย กุลชาติ แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อความเป็นธรรม อดีตนักกิจกรรมสายอนุรักษนิยม ผู้เคยสนับสนุน พรรครวมไทยสร้างชาติ ในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเขาแสดงความไม่พอใจต่อการที่พรรคยังคงมีบทบาทในรัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมวลชนมองว่าเป็นการ “กลับลำทางอุดมการณ์” อย่างรุนแรง

นายวินัยกล่าวบนเวทีปราศรัยว่า การตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยถือเป็น “การหักหลังทางการเมือง” พร้อมตั้งคำถามต่อ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ว่า ลืมบทบาทเมื่อครั้งต่อต้านระบอบทักษิณไปแล้วหรือไม่ การปราศรัยดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมอย่างคึกคัก พร้อมตะโกนคำขวัญ “รวมไทยสร้างชาติต้องเลือกข้าง!”

พีระพันธุ์ ยังมี “ดีเอ็นเอลุงตู่” อยู่ไหม?

ขณะที่แรงกดดันทางการเมืองพุ่งสูงขึ้น สื่อมวลชนพยายามเข้าถามความเห็นจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าพรรคนี้มี “ดีเอ็นเอของลุงตู่” อันหมายถึงอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ในการปรากฏตัวล่าสุด นายพีระพันธุ์กลับ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ และเดินเลี่ยงสื่อทันที

ความเงียบของหัวหน้าพรรคในช่วงที่พรรคถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทำให้เกิดคำถามถึงภาวะผู้นำและทิศทางของพรรคในอนาคต โดยเฉพาะจากแนวร่วมเดิมที่เริ่มตั้งข้อสงสัยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังยืนหยัดในอุดมการณ์เดิมหรือไม่ หรือเพียงแค่กลายเป็นพรรคร่วมที่ไร้จุดยืนทางการเมือง

นักวิเคราะห์การเมืองบางรายมองว่า ท่าทีเงียบเฉยของพีระพันธุ์อาจเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในพรรคเอง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีแรงเสียดทานระหว่างสมาชิกที่ยังจงรักภักดีต่อแนวทางเดิม กับฝ่ายที่เลือกเดินตามยุทธศาสตร์การอยู่ร่วมอำนาจ

อดีตแนวร่วมฯ หวั่นพรรคเสียฐานสนับสนุน

การเคลื่อนไหวของมวลชนครั้งนี้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของฐานเสียงสนับสนุนเดิมของพรรค ซึ่งเคยเน้นอุดมการณ์อนุรักษนิยม ต่อต้านระบอบทักษิณอย่างชัดเจน การร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันจึงกลายเป็นปมขัดแย้งที่รุนแรง และอาจนำไปสู่การสูญเสียความเชื่อมั่นในวงกว้าง

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนจุดยืนของพรรคอาจทำให้ฐานเสียงในภาคใต้และภาคกลางบางส่วนสั่นคลอน ขณะที่มวลชนในวันนี้อาจเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของความไม่พอใจที่กำลังก่อตัวอยู่ภายในประเทศ

ตำรวจตรึงกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด

บริเวณที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติในเขตจตุจักร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบตรึงกำลังอย่างหนาแน่น โดย พ.ต.อ.นิรันดร์ วงศ์สุวรรณ ผู้กำกับ สน.พหลโยธิน ระบุว่า การชุมนุมยังเป็นไปอย่างสงบ และยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย แต่จะคงกำลังดูแลความปลอดภัยต่อไปจนกว่ากลุ่มมวลชนจะแยกย้าย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมแผนรองรับกรณีที่สถานการณ์อาจยืดเยื้อหรือรุนแรงขึ้น โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้วล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวายซ้ำรอยในอดีต

แม่ทัพภาค 2 ยืนยันไม่ยิงก่อน แต่พร้อมสวนกลับทันทีหากถูกยิง

ครม.ไฟเขียวอนุมัติงบฯ 1.15 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจแบบครบวงจร